เผยแพร่ |
---|
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นต่อท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่ไม่ขอรับวัคซีนต้านโควิด-19 ทั้งที่ให้คำมั่นว่าจะเข้ารับในวันนี้ว่า
นายกฯ ไม่ยอมฉีดวัคซีนเป็นคนแรก บอกอะไรเรา??
ตามที่รมต.สาธารณสุขแถลงไว้ พลเอกประยุทธ์จะฉีดวัคซีนเป็นคนแรก โดยจะฉีดของ AstraZeneca ไม่ใช่ Sinovac เพราะแพทย์ไม่แนะนำให้ฉีด Sinovac แก่ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี แต่ทราบกันมั้ยครับ ในต่างประเทศเขาพบปัญหาอะไรกับวัคซีนทั้ง 2 ยี่ห้อนี้
ข่าวจาก The Guardian https://bit.ly/3bNZ8JB โดยทางการสาธารณสุขของฝรั่งเศส เยอรมนี โปแลนด์และอิตาลี แนะนำว่าวัคซีน AstraZeneca (วัคซีนที่เคยประกาศว่าจะใช้ฉีดพลเอกประยุทธ์) เป็นวัคซีนที่ไม่ใช้ในผู้มีอายุเกิน 65 ปีเช่นกัน ซึ่งพลเอกประยุทธ์อายุเกิน แต่ที่ภายหลังประกาศว่าจะไม่ฉีดเพราะอายุเกินหรือเหตุผลอื่นไม่ทราบครับ
ทั้งนี้บทวิเคราะห์จาก The Guardian ยังบอกด้วยว่าที่วัคซีน AstraZenecaใช้กันน้อยเพราะมีปัญหาการยอมรับเกี่ยวกับความมีประสิทธิผลและความปลอดภัย (Efficacy and Safety) ผู้นำเยอรมนียอมรับว่าวัคซีนยี่ห้อนี้ถูกประชาชนปฏิเสธเนื่องจากมีปัญหา “การยอมรับ”
ข้อมูลจาก ECDC ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของยุโรปประมาณการว่าถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ วัคซีน AstraZeneca ที่ส่งไปใน27 ประเทศ จำนวน 6,134,707 โด๊ส แต่ยังไม่ได้ใช้ถึง 4,849,752 โด๊ส คือไม่มีการใช้ถึง 4 ใน 5
เดิมทีมีการออกข่าวว่าพลเอกประยุทธ์จะฉีดวัคซีนเป็นคนแรก และจะฉีดวัคซีนยี่ห้ออะไรเพราะอะไรจึงเลือกยี่ห้อนั้น แล้วต่อมาทำไมไม่ฉีด ต้องมาช่วยกันหาคำตอบเหล่านี้กันครับ
อย่าปล่อยให้ประเทศเสียหายเพราะนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล
เพราะที่ผ่านมาเรื่องวัคซีนมีคำถามมากมายอยู่แล้วโดยเฉพาะความล่าช้า ไม่ทั่วถึงและการผูกขาด รวมทั้งไม่เปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆเข้ามาแข่งขัน ไม่ยอมให้เอกชนดำเนินการ ทำให้ประชาชนไทยมีความเสี่ยง ไม่ปลอดภัยและเสียโอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
พอนายกฯไม่ยอมฉีดวัคซีน ยิ่งไปกันใหญ่ พลเอกประยุทธ์ควรจะชี้แจงเหตุผล ไม่ใช่ทำไขสือ ซื่อบื้อแบบนี้ครับ
ประเทศไทยกำลังเจอปัญหาใหญ่มากในเรื่องวัคซีน นายกรัฐมนตรีจะต้องชี้แจงว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร