คณะปฏิสังขรณ์ฯ ลั่น กลุ่มคนอ้าง พศ.คุกคามต่อเนื่อง ชี้เกินขอบเขต ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ

หลังจากวานนี้ (25 กุมภาพันธ์) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เผยว่า มหาเถรสมาคมจึงมีมติให้สำนักพุทธดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักพุทธได้แจ้งมติมหาเถรสมาคมนี้ไปเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด และจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อดำเนินการตามแนวทางการลงทัณฆกรรมแก่ สามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า หรือโฟล์ค

พร้อมแจ้งขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแจ้งตำรวจในท้องที่ต่างๆ หากพบเห็นสามเณรดังกล่าว ให้นำเข้าพบเจ้าคณะผู้ปกครองในพื้นที่นั้นๆ เพื่อดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคมแล้ว

ขณะเดียวกัน แนวร่วมราษฎรศาลายาเพื่อประชาธิปไตย ได้ระบุว่า ตำรวจนอกเครื่องแบบ 7 นาย ทำการล้อมวัดสุทธิวราราม เพื่อตามหาสามเณรสหรัฐ หลังทราบข่าวจากสามเณรโฟล์ค โดยเพื่อนๆ สมาชิกไม่สามารถติดต่อสามเณรโฟล์คได้อีกเลยเป็นเวลาเกือบ 20 นาทีแล้ว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ คณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่-New Restoration กล่าวถึงเหุตการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า ยังไม่จบ เหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 25 กุมภาพันธ์ มีกลุ่มบุคคลจำนวน 7-8 รูป/คน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พระชั้นเจ้าคณะปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ บุกเข้าวัดสุทธิวรารามมุ่งหวังจับสึกสามเณรโฟล์ค โดยไม่มีเอกสารทางกฎหมายหรือหมายใดๆ ทั้งสิ้น จุดสังเกตคือ การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ลุแก่อำนาจ เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของสำนักงานพระพุทธศาสนาและเจ้าหน้าที่รัฐใช่หรือไม่ อีกทั้งยังเป็นการลักลั่นทางกฎหมาย การเคลื่อนไหวของผู้แอบอ้างในครั้งนี้ มีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการลักพาตัวสามเณรโฟล์คไปอย่างเงียบๆ ใช่หรือไม่

คณะปฏิสังขรณ์ฯ กล่าวว่า การกระทำของผู้แอบอ้างนอกจากจะไร้ซึ่งความชอบธรรมแล้ว ถ้าเป็นการดำเนินการโดยสำนักงานพระพุทธศาสนาและองค์กรสงฆ์จริง ยังแสดงให้เห็นว่าองค์กรสงฆ์มิได้วางตนเป็นกลางทางการเมืองอย่างที่กล่าวอ้าง หากแต่ใช้พุทธศาสนาเป็นเครื่องมือรับใช้อำนาจรัฐ และตีความหลักเกณฑ์พุทธศาสนาเพื่อให้ร้ายบุคคลที่แสดงความเห็นต่างจากอุดมการณ์ของรัฐ ในขณะที่ยุวสงฆ์อีกกลุ่มหนึ่งเห็นว่าพุทธศาสนาสนับสนุนความเสมอภาค สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและนับถือศาสนา รวมถึงความยุติธรรมเพื่อผลประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญตามหลักประชาธิปไตย

“การแทรกแซงศาสนจักรนับเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการปกครอง เพราะการอ้างอิงแนวคิดและคำสอนทางศาสนาสามารถสร้างความชอบธรรมให้กับชนชั้นปกครอง ด้วยการสร้างสถานะความศักดิ์สิทธิ์ที่จับต้องไม่ได้ให้กับผู้ปกครองและผู้ที่แอบอิงอยู่กับอำนาจรัฐ

“หากรัฐยังใช้อำนาจผ่านทางศาสนจักรเพื่อเพิ่มความชอบธรรมของตน ศาสนาก็หาได้บริสุทธิ์อีกต่อไปไม่ การแทรกแซงและใช้วิธีการที่ขัดกับหลักกฎหมายและพุทธศาสนาเป็นการใช้อำนาจที่ไม่สุจริตและไม่ชอบธรรม นับเป็นการเหยียบย่ำศรัทธาของศาสนิกที่มีต่อพุทธศาสนาอย่างบริสุทธิ์ใจ และเหยียบย่ำเสรีภาพของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศไปด้วยเช่นกัน ผู้แอบอ้างและกระทำการโดยมิชอบนี้ไม่รู้สึกกลัวและละอายต่อบาปเลยหรือ? เผด็จการจงม้วยมอด แก๊งแครอทจงเจริญ”