“จิรายุ”แปรญัตติแก้ไข รธน. สุดเดือด! ระบุให้ชัด ห้าม “มีชัย-บริวาร คสช.” นั่ง สสร.

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สส. กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า วันนี้ ตนลงพื้นที่พบปะประชาชน จำนวนมากต่างไม่มีความเชื่อมั่นว่า สส.สว.รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจ จะมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามความต้องการของประชาชนได้ ทั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาดูได้จากการ ที่ สส.สว. ฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้ร่วมยื่นขอแก้ไขแท้ๆ พอจะแก้ก็กลับมายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความว่าจะแก้ไขได้หรือไม่

โดยในการอภิปรายใน 2 วันนี้ ตนในฐานะผู้ยื่นญัตติในการแก้ไขในหลายประเด็นโดยเฉพาะมาตราสำคัญๆ ที่ยื่นแปรฯแก้ไขไว้ เช่น คุณสมบัติที่มาและจำนวน ของ สสร.และการเปิดโอกาศให้รณรงค์ในการทำประชามติ แก้ รธน. ได้อย่างเสรี นอกจากนี้ ยังแปรฯในประเด็นเรื่องการลดเสียงสมาชิกรัฐสภาจาก เดิม 3 ใน 5 มาเป็นครึ่งหนึ่งในการยื่นแก้ไข รธน.ให้ทำได้ทันตามสถานการณ์

ส่วนมาตราสำคัญที่ตนแปรฯไว้ ก็คือ มาตรา 265 /3 (2) ที่ ระบุชัดเจนว่า “ห้ามมิให้ผู้ที่เคยยกร่างรัฐธรรมนูญ 2560 และ นายมีชัย ฤชุพันธ์ ปธ.ยกร่างฯและบริวารว่านเครือ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง” และใน มาตรา 261/3 (4) ก็ระบุเอาไว้ชัดเจนในการแปรญัตติในเรื่องคุณสมบัติ ของ สสร.ว่า” หากเคยเป็นผู้ฝักใฝ่การทำรัฐประหาร ในการ สนับสนุนรัฐประหารหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง กับ คสช. หรือเคย เป็น รมต. หรือนักการเมืองทุกตำแหน่งในรัฐบาล คสช.” ก็เป็นคุณสมบัติต้องห้ามไว้ด้วย

“ 4 ปีมานี้ สังคมรู้แจ้งเห็นจริงแล้วว่า รธน.60 คนเหล่านี้สุมหัวกัน แบ่งงานกันทำ ใช้ทฤษฎีสมคบคิด เขียนขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจและ มีผู้เกี่ยวข้องกับการสืบทอดอำนาจแฝงตัวจำนวนมากตนจึงต้องแปรญัตติไว้ และขอสงวนความเห็นในการอภิปรายในมาตราเหล่านี้เอาไว้” นายจิรายุ กล่าว

นายจิรายุกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนยังแปรญัตติ ในมาตรา 256/10 วรรค 2 (5). เพิ่มเอาไว้ เพื่อป้องกันพวกที่ไม่สนใจในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยระบุในคุณสมบัติของ สสร.จะสิ้นสุดลง ก็ต่อเมื่อพบว่า “ เมื่อสสร.มีแนวคิดหรือเชื่อได้ว่ามีทัศนคติในการส่งเสริมเผด็จการการรัฐประหาร” ทั้งนี้ เพื่อให้สร้างความมั่นใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง นายจิรายุ กล่าว