วันที่ 23 กุมภาพันธ์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ฝ่ายนิติบัญญัติต้องเดินหน้าในญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 และวาระ 3 ต่อไป เพราะศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยออกมา ส่วนหลังจากมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งหากคำวินิจฉัยออกมาบอกว่าทำไม่ได้ ก็ต้องหยุดหลังจากนั้นก็ไปเริ่มกระบวนการใหม่ไปแก้ไขรายมาตรา ซึ่งจะแก้ยากมากจนถึงแก้ไม่ได้เลย

หรือ หากให้ไปทำประชามติเพื่อถามประชาชนว่าเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทางสภาก็พร้อมและเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งและรัฐบาลไปกำหนดวันที่จะลงประชามติ การดำเนินการทั้งหมดจะส่งผลให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือการร่างรัฐธรรมนูญคงช้ากว่ากำหนดเดิมคือปี 2565 คงไม่ได้เห็นรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งนี้รัฐบาลมีการวางกับดักรัฐธรรมนูญไว้เพื่อไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจคสช.

นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รอดจากการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ในสายตาประชาชนพล.อ.ประยุทธ์ สอบตกในการตอบข้อซักถามของพรรคร่วมฝ่ายค้าน รวมทั้งประชาชนทั้งประเทศหมดความอดทนกับระบอบประยุทธ์ และไม่ยอมรับรัฐบาลที่ขาดความเชื่อมั่นขาดความน่าเชื่อถือ

“การสร้างระบอบประยุทธ์คือการสร้างความแตกแยกของคนในชาติ เป็นอันตรายมาก เพราะการเลือกปฏิบัติในการดำเนินคดีกับคนที่เห็นต่าง แต่หากพวกเดียวกันจัดกลุ่มมาชุมนุมเพื่อเชียร์พล.อ.ประยุทธ์จะได้รับการดูแลอย่างดี จึงเป็นการขยายความขัดแย้งให้เพิ่มสูงขึ้น หากพลเอกประยุทธ์ ยังคงสืบทอดอำนาจยาวนาน เชื่อว่าความแตกแยกของคนในชาติและร้าวลึกมากขึ้น”