นายราเมศ กล่าวว่า ขอย้ำว่านาย จุรินทร์ ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ เมื่อเทียบเคียงกับกรณีรับจำนำข้าว ที่มีการทักท้วงจากภาคเอกชน ฝ่ายนิติบัญญัติผ่านกระบวนการตั้งกระทู้ถาม และอภิปรายไม่ไว้วางใจตามกระบวนการในรัฐสภา เพื่อเตือนว่ามีการทุจริตจำนำข้าว อีกทั้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ป.ป.ช. ได้เตือนถึงสองครั้ง ถามว่านายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพาณิชย์ในขณะนั้น ทำอย่างไรบ้าง

นายประเสริฐชี้นิ้วใส่คนอื่น แต่นิ้วที่เหลือกลับชี้เข้าหาตัวเอง แม้เรื่องไปถึงศาลฎีกา มีการเตือนแล้ว แต่ก็ยังทิ้งช่วงเอาไว้จนเกิดการทุจริต ทำให้งบประเทศเสียหายเกือบ 1 ล้านล้านบาท หากนายจุรินทร์ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตก็คงปล่อยให้ดำเนินการโดยไม่มีการระงับไปแล้ว แต่การดำเนินคดีทั้งแพ่งและทางวินัย แสดงให้เห็นว่าไม่ได้นิ่งเฉย

“คนที่อธิบายเรื่องนี้หยิบยกมาเฉพาะของประเด็นที่เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง แต่ไม่อ่านละเอียดในรายงานของคณะกรรมาธิการพาณิชย์ ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่มีน้ำหนักและเป็นข้อมูลเก่าที่รัฐมนตรี ได้แก้ไขโดยระงับยับยั้งไว้แล้ว แต่ต้องการเพียงแค่จะกล่าวหานายจุรินทร์ ว่าไม่ดำเนินการอะไร

แต่พยานหลักฐานที่นายจุรินทร์ ได้ชี้แจงต่อสภาฯ ชัดเจนว่า ไม่ได้สบคบกันทุจริตและดำเนินการตรงไปตรงมา ทั้งนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคได้ให้เจ้าหน้าที่ถอดเทปทุกคำพูดของนายประเสริฐ แล้ว ถ้าไปเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ก็จะต้องมีการปกป้องและดำเนินการเกี่ยวกับคนที่ทำให้พรรคเสียหายต่อไป แต่ถ้าไปพาดพิงถึงคนอื่นก็ไปตอบแทนไม่ได้”