“พิจารณ์” ท้า “ประยุทธ์” กางงบสวัสดิการทุกกองทัพ ย้ำตอบประชาชนให้ชัด งบ 65 จะซื้อเรือดำน้ำหรือไม่?

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้เเจงในการประชุมสภาผู้เเทนราษฎร ในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หลังจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวพาดพิงกรณีที่มีการอภิปรายถึงการใช้งบประมาณของการจัดซื้ออาวุธเเละยุทธภัณฑ์ของกระทรวงกลาโหม

พิจารณ์ กล่าวว่า จากที่นายกรัฐมนตรีชี้เเจงเกี่ยวกับการจัดซื้ดอาวุธเเละยุทธภัณฑ์ของกองทัพนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ เเต่ประเด็นอยู่ที่การใช้งบประมาณกลาโหมไม่โปรงใส มีเเนวโน้มชัดเจนว่ามีการคอร์รัปชันอยู่ในกองทัพ มีการจัดซื้อที่ไม่เหมาะสม เเละพลเอกประยุทธ์ เพียงชี้เเจงตามเอกสารที่เจ้าหน้าที่เตรียมมาให้ เเต่ไม่ได้นำข้อเท็จจริงมาชี้เเจงต่อสภาผู้แทนราษฎร เเละต่อประชาชนที่เป็นเจ้าของเม็ดเงินของประเทศ ในฐานะผู้เสียภาษีให้รัฐ

“ตกลงเเล้วที่ท่านร่ายยาว เกี่ยวกับเหตุผลซื้อเรือดำน้ำ ซึ่งผมเคยได้ยินมาเเล้วทั้งหมดในเรื่องนี้ ตั้งเเต่ตอนที่ทางกองทัพเรือได้ชี้เเจงในคณะกรรมาธิการงบประมาณ ฯ ในงบประมาณปี 2565 ซึ่งงบประมาณจะเหลือปีละ 3.1 ล้านล้านบาท แต่รายได้ที่อาจเก็บไม่เข้าเป้าอาจเหลือเพียงประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท แบบนี้ ตกลงท่านจะยังซื้อเรือดำน้ำหรือไม่ในงบประมาณปี 65 ขอให้ท่านตอบให้ชัด ประชาชนจะได้ทราบ หรือท่านเซ็นสัญญาไปเเล้ว มันผูกพันไปเเล้วจึงต้องดำเนินการต่อ เรื่องนี้ขอให้ตอบให้ชัดไปเลย เเละจากการที่พลเอกประยุทธ์ ชี้เเจงว่าในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นของหน่วยงาน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเองนั้น วิธีการที่ท่านตอบมา คือการลอยตัวให้อยู่เหนือปัญหา ซึ่งพลเอกประยุทธ์ทำแแบบนี้มาโดยตลอด เเละจะทำเเบบนี้ไปจนจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ“ พิจารณ์ กล่าว

พิจารณ์ กล่าวต่อไปว่า จากที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้เเจงโครงการจัดซื้อเสื้อของทหารเกณฑ์ โดยอธิบายว่า ราคามันต้องสูงเพราะมันมีค่าปรับ 0.2 % เเละมีค่าค้ำกระประกันวางประกัน จึงเป็นเหตุที่ต้องซื้อเเพงกว่าที่ขายปลีก ซึ่งกรณีนี้ขอตั้งข้อสังเกตว่า ราคาที่กองทัพจัดซื้อสูงกว่าราคาปลีกถึง 47% ซึ่งเเตกต่างมากจากที่พลเอกประยุทธ์ได้ชี้เเจง เเละตนขอถามว่า งบที่จัดซื้อเกินไป 417 ล้านบาทจะเอากลับมาคืนแผ่นดินได้หรือไม่ หรือจะยอมปล่อยให้เป็นเช่นนี้ เเละปล่อยให้มีการคอร์รัปชันในกองทัพเเบบนี้ ส่วนกรณีเรื่องเหมืองหิน ของกองทัพเรือ พลเอกประยุทธ์ก็ไม่ได้มีการเตรียมตัวในการชี้เเจง เพราะที่ท่านไม่ได้ตอบ หรือท่านไม่รู้ หรือรู้เเต่ไม่พูด คือเรื่องเหมืองหินยังมีประเด็นที่เอกชนได้ทำสัญญากับกองทัพ และกำลังมีเรื่องฟ้องร้องกับเอกชนอีกรายอยู่ เนื่องจากทำสัญญาไปแล้วเเต่ทำเองไม่ได้ จึงต้องไปจ้างอีกรายทำ ซึ่งเป็นการเเสดงให้เห็นว่า เอกชนรายนี้ไม่มีศักยภาพ เเต่สวัสดิการกองทัพเรือก็ยังต่อสัญญาให้เป็นปีที่สอง

ในเรื่องสวัสดิการกองทัพ พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่าให้เป็นไปตามระเบียบกองทัพ ปีพ.ศ.2547 ซึ่งจากที่ตนได้ไปศึกษาพบว่า ในระเบียบนี้สวัสดิการนี้ให้ทำงบการเงินและทำบัญชีต่างๆด้วย ดังนั้น ที่ท่านพูดว่าทุกอย่างโปร่งใส่ ตรวจสอบได้ ตนขอให้พลเอกประยุทธ์เปิดเผยงบการเงินของกองทุนสวัสดิการย้อนหลังทุกกองทัพ เพราะจากที่สำนักข่าวเดอะเเมทเทอร์ขอเอกสารในการชี้เเจงงบการเงินธุรกิจของกองทัพ ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร กองทัพให้เพียงเอกสารรายได้เเละรายจ่ายเฉลี่ย เพียง 5 ปีย้อนหลัง ซึ่งพลเอกประยุทธ์อธิบายเเละพยายามที่จะเปลี่ยนประเด็น ซึ่งในกรณีนี้มันไม่มีทางตรวจสอบได้เเละมันไม่โปร่งใส หากไม่เปิดข้อมูลทั้งหมด เเละในกรณีที่ราชพัสดุที่กระทรวงกลาโหมถือครอง ถ้าไม่ได้ถูกใช้เพื่อภารกิจเพื่อการป้องกันประเทศ ก็ขอให้คืนกระทรวงการคลังกลับไป

“ในเรื่องสวัสดิการกองทัพ ขอเเนะนำว่าให้กองทัพขอผ่านงบประมาณเเผ่นดิน ให้สภาผู้เเทนราษฎเป็นคนพิจารณาเพื่อให้สวัสดิการทั่วถึงทหารชั้นผู้น้อยจริงๆ” นายพิจารณ์ กล่าว