‘ณัฏฐพล’ เคลียร์ปม ‘บิ๊กป้อม’ ยืนฟังคุมเชิง ยันไม่หวั่นไหว ‘ศึกซักฟอก’ ไม่น้อยใจ หลังมีกระแสข่าวไม่โหวตให้

‘ณัฏฐพล’ เคลียร์ปม ‘บิ๊กป้อม’ ยืนฟังคุมเชิง ยันไม่หวั่นไหว ‘ศึกซักฟอก’ ไม่น้อยใจ หลังมีกระแสข่าวไม่โหวตให้ตน เชื่อ พปชร.มีเอกภาพ มองคนปล่อยข่าว เห็นไม่ตรงกัน – ชี้ตนมีหมวก 2 ใบ ไม่นำเรื่องการเมืองรวมกับการบริหาร ศธ. ยันไม่เกี่ยวลูกหลงส่ง ‘อีฟ ทยา’ ชิงผู้ว่าฯกทม.

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการอภิปรายไว้วางใจที่จะเกิดขึ้น อาจจะนำไปสู่การขยับเก้าอี้รัฐมนตรี ว่า ต้องรอดูการอภิปราย เป็นการตอบคำถามในรัฐสภา พร้อมระบุว่าไม่มีอะไรจะต้องคุยกับหัวหน้าพรรค โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้เดินลงมาจากตึกบัญชาการ และนายณัฏฐพลได้หันไปยิ้มทักทาย พร้อมระบุต่อว่า ไม่หวั่นไหวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพราะถือเป็นกระบวนการตรวจสอบ ซึ่งวันนี้ยังไม่ได้มีการชี้แจงและไม่ทราบข้อกล่าวหา ก็คงต้องรอให้มีการตอบในสภาก่อน

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐอาจจะไม่โหวตให้ตนครบทุกคนนั้น นายณัฏฐพล เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐมีความเป็นเอกภาพ ไม่มีข้อกังวลใดๆ เชื่อว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ความคิดเห็นที่ตรงกันมีอยู่แล้วในทุกพรรคการเมือง ฉะนั้นไม่มีอะไรที่ต้องน่ากังวล และตนจะทำหน้าที่ต่อในสภา พร้อมระบุไม่น้อยใจ ถือเป็นเรื่องธรรมดา

อย่างไรก็ตามมองว่าผู้ที่ปล่อยข่าวนี้ อาจจะเกิดขึ้นจากความคิดเห็นไม่ตรงกันในบางเรื่อง ซึ่งขั้นตอนสุดท้ายก็จะต้องผ่านการตรวจสอบในรัฐสภา ก็คงต้องตอบคำถามให้ดีและเหมาะสม เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ตัดสินใจไม่ไว้วางใจกันมากกว่า ส่วนตัวไม่กังวลอะไรอยู่แล้ว

ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาเป็นเพราะตนไม่ค่อยรับฟังส.ส.ในพรรค และประสานงานในกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น นายณัฏฐพล กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าประสานงานเรื่องอะไร หากเป็นเรื่องการโยกย้ายตนทำไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งการพิจารณาขึ้นอยู่กับคุณสมบัติที่เหมาะสม ผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งจะต้องพิจารณาอย่างครบถ้วน และผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ หากใครจะฝากใครมาก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนแนวทางการทำงานในอนาคต ตนยังยึดมั่นแนวทางในการทำงานอย่างตรงไปตรงมา และถูกต้องตามความเหมาะสมในการบริหารจัดการเพื่อผลประโยชน์ของเด็กเยาวชน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ตนไม่สามารถนำเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองและพรรคการเมืองมาตัดสินใจในการบริหารกระทรวงศึกษาธิการ เพราะเป็นการสวมหมวกคนละใบ

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับการโดนลูกหลงจากการลงชิงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นคนละเรื่องกัน เชื่อว่าทุกคนเข้าใจว่าภริยาของตนมีความสนใจทางการเมือง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองอื่นๆ น่าจะเป็นเรื่องที่กับการบริหารในกระทรวงศึกษาธิการที่มีคนเห็นว่าไม่เหมาะสม จึงนำเสนอต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ส่วนกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมนักเรียนเลว ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องระบบการศึกษาจะส่งผลต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น นายณัฏฐพล เชื่อว่า ไม่มีผลและยังมีอีกหลายกลุ่มที่มีการแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันออกไป และได้นำข้อเสนอจากทุกกลุ่มนำมาพิจารณาหาความเหมาะสม ส่วนใดที่ต้องปรับปรุงก็ได้ตั้งคณะทำงานแล้ว