“ภราดร” ยก 3 สถานการณ์สะท้อนยกระดับการเมืองเดือด สุมไฟส่อแตกหักใหญ่

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่าสถานการณ์การเผชิญหน้าทางการเมืองได้ยกระดับถึงแนวเข้มข้น เห็นได้จากประเด็นแรกคือวันศุกร์ที่ผ่านมาตำรวจสภ.คลองหลวง นัดผู้ต้องหา22คนซึ่งเป็นนักศึกษาเยาวชน นักจัดกิจกรรมการเมืองไปรับทราบข้อหาคดี และจะถูกนำตัวไปศาลเพื่อฝากขัง ขณะเดียวกันก็ถูกตอบโต้กลับจากคนของคณะราษฎรทันควันว่าหากฝากขังได้จริง ก็ต้องเจอการชุมนุมยืดแข้งยืดขาสวนกลับทันที ตำรวจจึงต้องเปลี่ยนใจปล่อยตัวไม่ฝากขัง อีกทั้งยังได้มีการสื่อถึงกลุ่มคนที่ต้องการร่วมขับไล่รัฐบาลนี้ให้รู้ถึงเป้าหมายของพวกขบวนการสืบทอดอำนาจว่า 1.เขาต้องทำลายคณะราษฎร และ2.เขาจ้องขยายอนุรักษ์นิยม

ฉะนั้น คนของคณะราษฎรจึงส่งเสียงลั่นว่า ปี64 ชี้ชะตา’ราษฎร’ มีโจทย์ต้องแก้ “แพ้คือราบคาบ ชนะคือเต็มใบ” ประเด็นที่สองคือเรื่องการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด ประเทศรอบบ้านเราเขาได้รับมาฉีดกันแล้ว แต่ไทยเรายังไม่ได้รับวัคซีน วัคซีนเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งต่อการสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลก็จัดการแย่มาก และยังไม่แสดงออกถึงความรับผิดชอบอีกด้วย และประเด็นที่สามคือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วุฒิสมาชิกแต่งตั้งไร้ความชอบธรรม ยังคงแสดงความยึกยักจะชะลอการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของพวกพ้องท่าเดียว

“สามประเด็นที่กล่าวมาล้วนเป็นเชื้อสุมไฟให้เกิดความแตกหักทางการเมือง การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเปิดแผลความผิดรัฐมนตรีของสภาผู้แทนราษฎรที่กำลังจะเกิดขึ้น ยังคงเป็นทางออกที่ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงทางการเมืองได้ แต่การอภิปรายของส.ส.จะแสดงออกได้อย่างมีเสรีภาพและประสิทธิภาพนั้น มันยึดโยงอยู่กับการที่ฝ่ายความมั่นคงและขบวนการยุติธรรมจะต้องปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบของตน สร้างสภาวะแวดล้อมให้กับสังคมไทย ได้เชื่อมั่นและยอมรับว่า บ้านเมืองนี้มันมีการปกครองที่’เป็นธรรม’จริง ตามที่ได้เคยกล่าวย้ำเตือนเสมอมา” พล.ท.ภราดร กล่าว