จับตา 22 แนวร่วมราษฎร เข้ารับทราบข้อกล่าวหา สภ.คลองหลวง คาดหากฝากขัง เจอม็อบแน่

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เมื่อเวลา 10.00 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน เดินทางมาที่ สภ.คลองหลวง หลังจากถูกออกหมายเรียกร่วมกับกลุ่มราษฎรจำนวน 22 คน ให้มาเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ภายหลังร่วมชุมนุม #saveนิวมธ โดยมีพื่อนๆ และประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศหน้า สภ.คลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจควบคุมฝูงชน จำนวน 6 กองร้อย ได้มาตั้งแถวสกัดกลุ่มมวลชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มมวลชนทั้งหมด 22 คนที่ถูกพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ออกหมายเรียกในข้อหา 1.ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย ซึ่งมีประกาศหรือคำสั่งให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด 2.ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุม ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดในลักษณะที่เสี่ยง 3.ร่วมกันกระทำการ หรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดโรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป 4.ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อการแพร่เชื้อโรค 5.ร่วมกันชักชวน หรือแสดงธงอันไม่สมควรต่อธงชาติในบริเวณสถานที่ราชการ

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำแท่งปูนแบริเออร์ รถฉีดน้ำความดันสูง พร้อมรถควบคุมผู้ต้องขัง ปิดการจราจรด้านล่างหน้า สภ.คลองหลวง และให้ประชาชนใช้สะพานลอยข้ามแยกวัดพระธรรมกายเท่านั้น

นายพริษฐ์กล่าวว่า ไม่ได้มีความหวาดกลัวใดๆ เพราะเคยเข้าเรือนจำมาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็เคยถูกคนจากรัฐขู่ทำร้ายมาหลายรอบ อย่างที่ตนเคยเขียนจดหมายออกมาจากเรือนจำคือเสียสละอะไรก็ได้เพื่อเป้าหมายที่เราต่อสู้ ก็คือให้แผ่นดินเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง

“ผมไม่กลัวอะไร กลัวแต่การต่อสู้จะเงียบงัน แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่าคบไฟแห่งความตื่นรู้และความกล้าหาญได้ถูกจุดขึ้นแล้วทั่วแผ่นดิน คนที่ตื่นขึ้นมาได้เห็นแสงสว่างแล้วย่อมจะไม่กลับไปหลับหูหลับตาอยู่กับความมืดมิดอีก ไม่ว่าพวกผมจะอยู่แห่งใด หรือจะมีพวกผมหรือไม่ ผมเชื่อว่าการต่อสู้ของประชาชนจะดำเนินต่อไป

“เรามาไกลเกินกว่าจะกลับไปนับหนึ่ง และเราจะไม่หันหลังกลับอีกต่อไป จะยังคงต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไปสู้เพื่อความเป็นไท ดีกว่ายอมเป็นทาส” นายพริษฐ์กล่าว

ด้าน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ประตูรั้วที่ถูกปิดของ สภ.คลองหลวง มีป้ายข้อความติดไว้ว่า “เนื่องจากมีสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุม จึงจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งความบริเวณด้านนอกสถานี”

ต่อมา เวลา 12.22 น. บรรยากาศภายในห้องสอบสวนของ สภ.คลองหลวง พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้กำกับการตำรวจ จ.ปทุมธานี ได้แจ้งกับทนายความและผู้ถูกกล่าวหาว่าให้งดใช้อุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด สำหรับห้องสอบสวน นอกจากพนักงานสอบสวนที่จะทำการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ยังมี จนท.คฝ. 1 นาย เฝ้าจับตาอยู่ภายในอีกด้วย

ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก ราษฎร ยืนยันว่า หากวันนี้ตำรวจฝากขังประชาชน 14 คนที่ศาลธัญบุรี และเยาวชนอีก 2 รายแยกไปฝากขังที่ศาลเยาวชน มีม็อบแน่นอน

เช่นเดียวกับทวิตเตอร์ ของเมนู สุพิชฌาย์ ชัยลอม คนรุ่นใหม่ที่ออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับการชุมนุมคนรุ่นใหม่ ได้ออกมาทวิตข้อความว่า ทีมเชียงใหม่แสตนด์บาย! ถ้ามีการฝากขัง ม็อบแน่นอน! เชียงใหม่จะไม่ทน คุณต้องปล่อยเพื่อนเราและนุติการใช้ความรุนแรง!! #ม็อบ5กุมภา #saveบางกลอย

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 12.43 น. เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้อัพเดตการรายงานตัวของ 22 แนวร่วมราษฎรว่า ขณะนี้นักศึกษา มธ. ทั้งหมดที่มารับทราบข้อกล่าวหา (“ชุมนุมมั่วสุม”) ตามหมายเรียก ได้ถูกนำตัวเข้าห้องสอบสวน

ล่าสุด แหล่งข่าวยืนยันว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่ตำรวจจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีนี้ไปฝากขังที่ศาลธัญบุรี ขณะที่ นรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ออกมาให้ข้อมูลว่า

“คดีชุมนุมทางการเมืองที่ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งมีโทษสูง 7 ปี และเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ศาลอาญากรุงเทพใต้ #ได้เคยมีคำสั่งเป็นบรรทัดฐาน ไว้แล้วว่า “#ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องฝากขัง”

แต่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ยืนยันจะพาตัวผู้ต้องหา 14 คน

ไปฝากขัง ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับ “ศาลจังหวัดธัญบุรี” ว่าจะมีคำสั่งให้ฝากขังหรือไม่?”