‘ณัฐชา’ ชี้กระบวนการตีรวน-ดิสเครดิต พรรคก้าวไกล มุ่งเบี่ยงประเด็นซักฟอก

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล ระบุ กระแสข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับพรรคก้าวไกล ในขณะนี้ เป็นแค่กระบวนการเพื่อเบี่ยงประเด็น ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่เกิดขึ้นในวันที่15 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้อยากให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันกระบวนการเหล่านี้เพื่อจะได้ไม่หลงประเด็นที่ฝ่ายตรงข้ามพยาพยามจะเชื่อมโยง

ทั้งนี้นาย ณัฐชา กล่าวว่า ตนขอย้อนเหตุการณ์ของกระบวนการนี้ให้ชัดๆอีกครั้งจะได้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นการทำงานเป็นทีม ใช้วิธีการเดิมๆในการกล่าวหาพรรคก้าวไกล เริ่มต้นตั้งแต่ วันที่ 22 มกราคม 2564 เริ่มมีการออกมาเปิดเผยเรื่องการรับเครื่องราชย์ฯ ว่าใครรับบ้างไม่รับบ้าง และแน่นอนว่าไม่พ้นโยงไปสู่การกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ต่อมาวันที่ 28 มกราคม 2564 วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาลออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่าจะยื่นญัตติของพรรคฝ่ายค้านให้ประธานสภาตรวจสอบ เนื่องจากเห็นว่าญัตติของพรรคก้าวไกลมีเนื้อหาขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์

ถัดมาวันที่29 มกราคม 2564 สิระ เจนจาคะ ออกมางับไม้ต่อ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนจะเดินหน้าฟ้องพรรคก้าวไกล หากญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านบรรจุเข้าที่ประชุม ตนก็เตรียมที่จะดำเนินการฟ้องร้องตามมาตรา 112 แก่ผู้นำฝ่ายค้าน และ ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อในญัตติ ซึ่งต้องรอให้มีการบรรจุระเบียบวาระก่อน เพื่อให้มีหลักฐานว่าการบรรจุระเบียบวาระได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

จากนั้นในวันที่ 30 มกราคม2564 ราเมศ รัตนะเชวง โฆษก พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถาม มาตรา112 หนักหัวใครซึ่งการแถลงในลักษณะเป็นการสร้างวาทะกรรมความหวาดกลัวให้สังคมไทยเข้าใจว่า การกล่าวกฎหมายมาตรานี้เป็นสิ่งต้องห้าม สร้างความกระอักกระอ่วนให้ผู้คนในวงกว้าง ชี้หน้าว่าพรรคก้าวไกลพยามทำสิ่งต้องห้ามทั้งที่ความจริงแล้ว สังคมไทยควรสร้างพื้นที่ปลอดภัยและสร้างวัฒนธรรมการพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างเปิดเผย อีกทั้งพรรคก้าวไกลได้แสดงจุดยืนต่อการแก้ไขกฎหมายมาตรานี้หลายต่อหลายครั้งว่า เราไม่ต้องการให้มีการนำกฎหมายฉบับนี้เป็นเครื่องมือเพื่อใช้เล่นงานทางการเมือง

ล่าสุดวันที่2กุมภาพันธ์ 2564 นายณฐพร โตประยูร นักร้องเจ้าเดิม ยื่นยุบพรรคก้าวไกล ข้อหา พรรคเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง

ทั้งนี้นายณัฐชา กล่าวว่า หลังจากนี้จนถึง15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจขอให้พี่น้องประชาชนต้องจับตาดูขบวนการลิ่วล้อเหล่านี้ให้ดี เชื่อว่าจะทำงานหนักมากขึ้นเพื่อเบี่ยงประเด็นการซักฟอกของฝ่ายค้านพร้อมใส่ร้ายพรรคก้าวไกล เชื่อมโยงใส่ร้ายโดยอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้งตลาดการซื้อขายเสียงเพื่อลงมติเห็นชอบเริ่มเริ่มเปิด แต่เชื่อเหลือเกินการลงทุนครั้งนี้ของรัฐบาล จะเป็นการลงทุนที่ขาดทุนย่อยยับ เพราะจะไม่มีระฆังสั่งหมดยกเหมือนครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งประชาชนจะจับตามองการชี้แจงของรัฐบาล และเชื่อว่า การซักฟอกรัฐบาลในครั้งนี้อาจเป็นการชี้ชะตาของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา