“พิชัย” ประณามรัฐประหารในพม่า “เพื่อไทย” ชู 3 นโยบาย ฟื้นเศรษฐกิจ-ยกคุณภาพชีวิตกทม.ได้

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพท่อไทยด้านเศรษฐกิจ แถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทยเรื่องการประกาศหาผู้ที่เหมาะสมมาลง สมาชิกสภา กทม. (สก.) ในนามพรรคว่า ขอประณามการทำรัฐประหารในพม่า ซึ่งจะทำให้ประเทศพม่าถอยหลังไปอีกนาน แบบที่ประเทศไทยประสพปัญหาทางเศรษฐกิจมาตั้งแต่มีการปฏิวัติ

ทั้งนี้ น่าเป็นห่วงสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ว่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยทรุดหนักต่อไปอีก 10 ปี หลังจากที่ทรุดหนักมาตลอดหลายปีนี้ ตามบทความ “เศรษฐกิจไทย หายนะในแบบสโลโมชั่น” ใน นิเคอิ เอเชีย เขียนโดย วิลเลียม พีเซก ที่เคยเตือนเศรษฐกิจไทยหลายหนและเป็นจริงมาตลอด โดยเนื้อหาของบทความและคำแนะนำก็เป็นเหมือนที่ตนและคณะทำงานเศรษฐกิจเพื่อไทยเตือนมาตลอด ซึ่งพลเอกประยุทธ์คงไม่มีความรู้เพียงพอที่จะเข้าใจ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยทรุดต่ำลงเรื่อยๆ เหมือนที่ตนเคยเสนอ “ทฤษฎีกบต้ม” ไว้หลายปีแล้ว และก็เป็นจริงเพราะปัจจุบันกบถูกต้มตายกันเป็นจำนานมาก

ล่าสุดการปลดคนงาน 2,600 คน จากโรงงานจิวเวลรี่ และ ธุรกิจ SMEs ที่พากันปิดตัวกันเป็นจำนวนมาก อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสูง แถมล่าสุดดัชนีการทุจริตของไทยที่จัดอันดับโดยองค์กรสากลได้พุ่งขึ้นสูง ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ได้ปรับปรุงกรอบคิดให้ก้าวทันโลก ก่อนที่ไทยจะตกยุคไปไกล และ จะเสียหายอย่างหนักไปอีก 10 ปีจริงตามคำเตือนของสื่อต่างประเทศ

ทั้งนี้ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เสนอแนวทางฟื้นเศรษฐกิจ 19 ข้อ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังจากผ่านพ้นวิกฤติโควิด -19 ซึ่งรวมถึงการ เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และ การออกซอฟท์โลนช่วยเหลือ SMEs และ รักษาการจ้างงาน รวมทั้งการลดค่าใช้จ่ายของประชาชน การหารายได้เข้าประเทศ ปรับโครงสร้างภาษี ปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มราชการ และ ส่งเสริมแพลตฟอร์มของเอกชนเพื่อพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างยูนิคอร์น เป็นต้น ซึ่งเป็นนโยบายที่นำไปใช้ได้ทั้งประเทศ แต่อยากจะเน้นนโยบายเฉพาะสำหรับกรุงเทพทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ยกระดับรายได้และยกมาตรฐานคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพใน 3 แนวทางเริ่มต้นดังนี้

1. การพัฒนา กรุงเทพมหานคร ให้เป็นเมืองหลวงของอาเซียน โดยพัฒนาเป็น ศูนย์กลางเศรษฐกิจ ดิจิตอล ของอาเซียน โดยเปิดให้ผู้มีความรู้ความสามารถทั้งโลกให้เข้ามาทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีได้สะดวกและมากขึ้น สร้างสังคมดิจิตอล เปิดพิ้นที่ทำโคเวิร์คกิ้งสเปซสำหรับคนรุ่นใหม่ ปรับระบบดิจิตอลทั้งหมดในการให้บริการของกรุงเทพมหานคร สร้างยูนิคอร์น สร้างงานเพิ่มขึ้นในกิ๊กอิโคโนมี พรัอมออกมาตรการดูแลสวัสดิการของคนที่ทำงานในกิ๊กอิโคโนมี เป็นต้น

2. การเปิดพื้นที่ว่างเปล่าของรัฐเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปค้าขายทำมาหากินได้ ทั้งนี้ รัฐมีพื้นที่จำนวนมากในกรมธนารักษ์ที่สามารถนำมาพัฒนาเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีพื้นที่ค้าขายเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัวในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

3. สนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าใน กทม. ให้ได้ถึง 50% ภายใน 10 ปีข้างหน้า เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละออก PM 2.5 อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทดแทนการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปที่กำลังจะหมดยุคในปัจจุบัน

นี่เป็นเพียง 3 นโยบายแรกเท่านั้น โดยจะมี นโยบายออกมาอีกเรื่อยๆเพื่อสนัสนุนการเลือกตั้ง สก. ของพรรคเพื่อไทย โดยมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศและโดยเฉพาะกับ กรุงเทพมหานครได้ ถ้าได้รับการไว้วางใจจากประชาชน