คลังฟันธง เศรษฐกิจปี 64 กระเตื้องแตะ 2.8% แรงส่งจากวัคซีน-มาตรการรัฐ

วันที่ 28 มกราคม 2564 น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 และ 2564 ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2563 คาดว่าจะหดตัวที่ -6.5% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ -6.8% ถึง -6.3% หดตัวน้อยกว่าที่ประมาณการไว้เดิม ณ เดือนตุลาคม 2563 ที่ -7.7% ต่อปี โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดี และมาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง

น.ส.กุลยา กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนจะหดตัวที่ -0.9% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ -1.2% ถึง -0.7%) และ -8.9% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ -9.2% ถึง -8.7%) ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นจากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่หดตัว -3.0% ต่อปี และ -9.8% ต่อปี ตามลำดับ และมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยปรับตัวดีขึ้นที่ -6.6% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ -6.8% ถึง -6.3%) ปรับตัวดีขึ้นจากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ -7.8% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักฟื้นตัวได้เร็วดีกว่าที่คาด หลังจากที่หลายประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด”

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2564 กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 2.8% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.3% ถึง 3.3%) ปรับลดจากการการประมาณการครั้งก่อน เนื่องจากสถานการณ์ของของโควิด-19 ที่ระบาดในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย การเดินทางระหว่างประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทำให้คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในปี 2564 จะลดลง อย่างไรก็ดี มีสัญญาณบวกจากการได้รับวัคซีนของประชากรในประเทศต่างๆ ในระยะต่อไป ประกอบกับภาครัฐได้ดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ และมาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ

ประกอบกับคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายเงินจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท) ในส่วนที่เหลืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการจ้างงานให้เพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 2.5% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.0% ถึง 3.0%) และ 3.4% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.9% ถึง 3.9%) ตามลำดับ ขณะที่การบริโภคภาครัฐและการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ 6.1% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 5.6% ถึง 6.6%) และ 12.1% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 11.6% ถึง 12.6%) ตามลำดับ

สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยจะขยายตัวที่ 6.2% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 5.7% ถึง 6.7%) โดยมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2564 จะอยู่ที่ร้อยละ 1.3 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.8 ถึง 1.8) ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีทิศทางสูงขึ้นและการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ

น.ส.กุลยา กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความคืบหน้าของวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศ อย่างไรก็ดี ในการประมาณการเศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ 1.การควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 2.ความสำเร็จในการฉีดวัคซีนของประเทศต่างๆ และ 3.นโยบายทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักและความผันผวนของเงินลงทุนระหว่างประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมั่นใจว่าประเทศไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และมีฐานะการคลังที่มีความมั่นคงและมีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ทำให้กระทรวงการคลังมีความพร้อมที่จะดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไป