“ณัฐพงศ์” ชี้ รัฐบาลสื่อสารสับสน-ทำงานไร้เอกภาพ ผู้ร้ายตัวจริงวิกฤตโควิด

วันที่ 28 มกราคม 2564 ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส. เขต 28 บางแค กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล กล่าวถึงประเด็นกระแสข่าวปาร์ตี้วันเกิดบุคคลชื่อดังในวงการบันเทิงที่มีการปกปิดไทม์ไลน์กลายเป็นโต้เถียงกันในสังคม หลายคนพุ่งเป้าการกล่าวโทษไปที่ตัวบุคคลที่ร่วมวงปาร์ตี้กันในวันนั้นว่าอาจเป็นต้นเหตุแห่งการ “ระบาดระลอกใหม่” ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม แต่พวกเราต้องไม่ลืมผู้ร้ายตัวจริงที่อยู่อีกด้านหนึ่งซึ่งมีส่วนทำให้สถานการณ์ในครั้งนี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นด้วย นั่นก็คือ การสื่อสารที่สับสน และการทำงานที่ขาดเอกภาพของรัฐบาลครับ

เริ่มจากการออกมาให้ข่าวว่ามีผู้ติดเชื้อที่ “ปกปิดไทม์ไลน์” โดยการลงข้อมูลไปในไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อว่า “ผู้ป่วยไม่ให้ข้อมูล” [1] จนกลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมที่ประชาชนหลายคนต่างออกมาตั้งคำถามว่า สรุป พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ มีไว้ใช้ “ควบคุมม็อบ” อย่างเดียว ไม่ได้ใช้ไว้เพื่อ “ควบคุมโรค” ใช่หรือไม่? เพราะที่ผ่านมามีกลุ่มผู้ชุมชุมหลายคนถูกจับกุมไปดำเนินคดีในโทษฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ แต่พอเป็นผู้ป่วยตัวจริงที่ถูกตรวจพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อแล้วกฎหมายกลับทำอะไรไม่ได้ ตามที่ รมว.สธ.ออกมาให้ข่าวว่า ไม่มีกฎหมายบังคับใช้ ต้องใช้วิธีขอความร่วมมือเท่านั้น?

สุดท้ายทำให้ ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง (โฆษก กทม.) ต้องออกมาโพสต์ข้อความให้ข่าวในภายหลังผ่านเฟสบุ๊คแฟนเพจว่า สำนักอนามัย กทม. กำลังทำการสอบสวนเพิ่มเติม และพร้อมจะบังคับใช้กฎหมายต่อไปหากผู้ติดเชื้อไม่ให้ความร่วมมือ [2] จนเป็นที่มาของการอัปเดทไทม์ไลน์ใหม่ของผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์ดังกล่าวในภายหลัง [3]

ในฝั่งของผู้ติดเชื้อเอง ก็ออกมาให้ข่าวตอบโต้กับการทำงานของหน่วยงานรัฐด้วยเช่นกัน โดยการระบุว่าพวกเขาได้แจ้งไทม์ไลน์กับหน่วยงานของรัฐไปหมดแล้ว แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงให้ข่าวออกไปว่าตนปกปิดไทม์ไลน์? [1]

นอกจากนี้ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากอาศัยการสอบถามเพื่อการสอบสวนโรคแล้ว รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาเป็นแหล่งข้อมูลเสริมประกอบการสอบสวนโรคด้วยตั้งแต่แรก แต่จากประเด็น “ไทยชนะ” vs “หมอชนะ” ที่ผ่านมา ที่ต่างคนต่างทำ สร้างความสับสนให้กับประชาชน ข้อมูลกระจัดกระจาย สุดท้ายก็ยังเอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้

ซึ่งนี่เป็นกรณีตัวอย่างที่ดีที่สุดของการทำงานที่ขาดเอกภาพ ต่างคนต่างทำ สื่อสารผิดพลาด ทำให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชนครับ ผู้ร้ายตัวจริงที่ทำให้พวกเรายังไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงความเป็นปกติสุขที่สุดได้ เพราะพวกเราขาดความเชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการของรัฐบาล ณัฐพงศ์กล่าว