อภิปรายไม่วางใจ : “สุทิน” เผยฝ่ายค้านขอเวลาเพิ่ม “สิระ” ขู่เจอประท้วง หากยังคิดพูดเรื่องสถาบัน ซัดไร้วุฒิภาวะ

วันที่ 26 มกราคม 2564 เมื่อเวลา 09.05 น. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า หลังจากยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ฝ่ายค้านก็ไปคุยในรายละเอียดที่คิดว่าจะต้องทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งได้คุยเรื่องกรอบเวลาโดยได้ข้อสรุปว่าเมื่อจำนวนผู้อภิปรายเพิ่มขึ้นจากคราวที่แล้วประมาณ 80% ถ้าคิดหลักง่ายๆ เวลาการอภิปรายครั้งนี้น่าจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนประมาณ 80% คราวที่แล้วอภิปราย 3 วัน ลงมติ 1วัน คราวนี้จะต้องเป็น 5 บวก 1 หรือ 6 บวก 1 อย่างต่ำสุดก็น่าจะเป็น 5 บวก 1 ถึงจะทำงานได้ นอกจากนั้นในเรื่องของเนื้อหาที่หลายพรรคอาจจะเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความล้มเหลว เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องสังคม เป็นต้น ก็คุยกันว่าเรื่องเดียวกันแจะแบ่งเนื้อหาให้อภิปรายรับลูกรับช่วงกันอย่างไร รวมทั้งมีการประเมินสถานการณ์ในการประชุมด้วยว่าบรรยากาศในการประชุมจะเป็นอย่างไร จะมีการประท้วงมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งลำดับการอภิปรายว่าเราจะต้องใช้รูปแบบเดิม หรือผู้อภิปรายสามารถอภิปรายรัฐมนตรี 2 คนให้จบไปคราวเดียวหรือต้องขึ้นอภิปราย 2 ครั้ง รวมทั้งได้กำชับผู้อภิปรายทุกคนให้เน้นเรื่องข้อมูลให้ดีที่สุด เรื่องโหวหาร สำนวนขอให้ลดลง

เมื่อถามว่า วิปรัฐบาลยืนยันให้เวลาอภิปรายเท่ากับการอภิปรายปี 63 นายสุทิน กล่าวว่า ก็ต้องพิจารณาดูว่าให้เวลาแค่นั้นเหมาะหรือไม่ เมื่อผู้อภิปรายมีจำนวนมาก ข้อหาเยอะ และรัฐบาลก็ทำงานมานาน ความผิดเยอะแล้วจะให้เวลาอภิปรายเท่าเดิม อธิบายได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องเหตุและผล ในอดีตเคยอภิปรายกัน 7 วัน 7 คืน ซึ่งก็จะต้องมีการพูดคุยอีกครั้งหลังจากที่ประธานสภาฯ บรรจุวาระแล้ว

เมื่อถามว่า ในญัตติมีข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลนำสถาบันมาสร้างความขัดแย้ง ฝ่ายค้านมีกรอบการอภิปรายอย่างไร เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว นายสุทิน กล่าวว่า ก็คิดกันอยู่ทุกคน ก็ตระหนักว่าเป็นเรื่องอ่อนไหวและต้องพูดถึงเท่าที่จำเป็น และต้องใช้วุฒิภาวะขั้นสูงในการที่จะพูดเรื่องนี้ แต่จะไม่พูดเลยก็ไม่ได้ เพราะเป็นความเสียหายอยู่จริง ถ้ารัฐบาลทำความเสียหายให้กับสถาบันแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่มาก จะกระทบอะไรอีกมาก ถ้าเราไม่กระตุ้น เตือน กระตุก ติง หรือต้องคาดโทษกัน เราเกรงว่าเรื่องอย่างนี้จะกลายเป็นการชินชาที่จะปฏิบัติ เราก็จำเป็นต้องพูด อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเมื่อพูดเรื่องนี้ก็อาจจะถูกประท้วงมาก ซึ่งคนประท้วงก็ต้องระมัดระวังเหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะคนพูด คนประท้วงถ้าประท้วงไม่ดีก็จะกลายเป็นว่าตัวเองทำผิดเสียเอง ดังนั้นทุกฝ่ายต้องใช้วุฒิภาวะขั้นสูงระมัดระวังที่สุด

เมื่อถามว่า เรื่องสถาบันสามารถนำมาอภิปรายได้ใช่หรือไม่ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า สามารถอภิปรายได้ แต่อยู่ที่ความเหมาะสม ซึ่งมีข้อบังคับว่าให้พูดเท่าที่จำเป็น และพูดอย่างไรให้เข้าใจกันโดยไม่เสียหายและไม่กระทบข้อบังคับ บางครั้งคนเราไม่พูดตรงก็พอจะรู้เรื่อง

ต่อข้อถามว่า หลังการอภิปรายฝ่ายค้านจะไปยื่นถอดถอนรัฐมนตรีต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย นายสุทิน กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องถ้ามีการทุจริต พบความกระทำผิด เรื่องไหนที่ต้องทำให้จบครบถ้วยกระบวนการก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกครหาว่าฝ่ายค้านทำไม่สุด ดังนั้นการดำเนินการกับผู้กระทบผิดก็ต้องทำทั้งในสภาฯ และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจากหลักฐานแล้วมีรัฐมนตรีที่ต้องไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่า 5 คน แต่จากนี้เป็นต้นไปจนถึงวันอภิปรายก็จะต้องสกรีนข้อมูลอีก

ต่อข้อถามว่า ฝ่ายค้านมีหลักฐานชี้ชัดความผิดใช่หรือไม่ ไม่ใช่ว่าการอภิปรายเป็นแค่พิธีกรรม ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า มีข้อมูล และทุกครั้งที่อภิปรายเสร็จก็ไปยื่นถอดถอน แตเมื่อยื่นไปแล้วก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ยืนยันว่าเราทำหน้าที่สมบูรณ์ทุกครั้ง ไม่ใช่พูดในสภาเปล่าๆ

“สิระ” ขู่หนักฝ่ายค้านเจอประท้วงแน่ ซัดไม่รู้อะไรควรไม่ควร

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า รัฐบาลไม่ยึดมั่นและศรัทธาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข นำสถาบันมาเป็นข้ออ้างแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินว่า ประวัติศาสตร์การอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีการเอาเรื่องสถาบันมายื่นญัตติแบบนี้ ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคนผ่านการอภิปรายมาหลายครั้ง จนหัวหงอกกันหมดแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงไม่มีวุฒิภาวะที่จะพิจารณาว่าการดึงสถาบันมาเกี่ยวข้องเช่นนี้มีความเหมาะสมและควรกระทำหรือไม่ หรือว่าวันนี้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันหายไปหมดแล้ว

“ผมขอให้ฝ่ายค้านกลับไปดูข้อบังคับให้ดีๆ และแก้ญัตติแล้วมายื่นใหม่ แต่หากฝ่ายค้านยังคงยืนยันที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสถาบัน ผมก็ขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า ฝ่ายค้านจะเจอการประท้วงจนไม่ได้อภิปรายเลยทั้ง 4 วัน เพราะฉะนั้นบรรดา หัวหงอก หัวดำ ของพรรคฝ่ายค้านที่ยังพอมีสติ ช่วยคิดกันให้ดี ช่วยคิดถึงคำปฏิญาณตนตอนเข้ารับตำแหน่งด้วย ว่าเคยพูดอะไรกันไว้กลางที่ประชุมสภาฯ” นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถือเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ฝ่ายค้านในสภา ที่จะตรวจสอบการบริหารประเทศของรัฐบาลว่า มีข้อบกพร่องหรือการทุจริตหรือไม่ เพื่อเสนอให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับทราบ ซึ่งหากข้อมูลในการอภิปรายของฝ่ายค้านมีน้ำหนักที่เชื่อถือได้ว่า รัฐมนตรีท่านนั้นมีพฤติกรรมโกงกินประเทศชาติ ตนก็พร้อมที่จะยกมือไม่ไว้วางใจ ตามที่พรรคฝ่ายค้านอภิปรายเช่นกัน

ทั้งนี้ นายสิระ ยังฝากไปถึงประชาชนที่จะติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ว่า ขอให้ประชาชนทุกคนติดตามและตัดสินการทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านว่า ข้อมูลที่นำมาพูดกันนั้นสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศหรือไม่ หรือเพราะมีเจตนาแอบแฝง จึงใช้เวทีสภามาบังหน้าเพื่อหวังโจมตีสถาบัน