อภิปรายไม่ไว้วางใจ : “6+2 ฝ่ายค้าน” ยื่นแล้ว! เปิดเหตุผลร้ายแรง 10 รมต. รอเชือด “ประวิตร” ตอบสั้นๆ “ไม่เป็นไร”

วันที่ 25 มกราคม 2564 เมื่อเวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน บวก 2 พรรคคือพรรคเศรษฐกิจใหม่ และ พรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี จำนวน 10 คน ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ

1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2.พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี 3.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 4.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 5.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

6.นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 7.นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 8. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 9.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 10. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งนี้กำหนดวันอภิปรายไว้เบื้องต้น 16-19 ก.พ. แต่ยังไม่สรุป จะต้องมีการหารือกันอีกครั้งเพื่อความเหมาะสมกับจำนวนผู้อภิปราย

ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีที่จะมีชื่อ ของนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่จากเดิมมีชื่อจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยนั้น ล่าสุดพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ตัดชื่อออกเพราะเห็นว่าเนื้อหาและประเด็นที่จะใช้อภิปรายยังไม่ครอบคลุม

ขณะที่ ​พล.อ.ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี​ กล่าวก่อนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 โดย พล.อ.ประวิตร มีชื่อเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ต้องถูกอภิปรายด้วยว่า​ ไม่เป็นไร​ ก็ว่ากันไป

สำหรับเนื้อหาในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลนั้น ฝ่ายค้าน ได้ระบุพฤติการณ์ และเรื่องที่จะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบ มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก และมีการระบาดของโรคโควิด 19 ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจดิ่งเหว ทั้งหมดเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของตนเอง

“มีการใช้อำนาจแลกผลประโยชน์ทำให้การทุจริตแพร่กระจายไม่ต่างจากโรคระบาด จนได้ชื่อว่าเป็นยุคที่การทุจริตเพื่องฟู เบ่งบานมากที่สุด ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เปิดเผย ปกปิดการกระทำความผิดของตนเองและพวกพ้อง ไม่มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ มุ่งประโยชน์แต่การสร้างความนิยมชมชอบให้กับตนเอง โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ สร้างความแตกแยกในสังคม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์

“และทำลายผู้เห็นต่าง ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน ปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันกระจายไปทั่ว ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาตล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม และสิทธิมนุษยชน ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ แทรกแชงกระบวนการยุติธรรม การบริหารราชการแผ่นดินของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง”