โควิด-19 : ระทึก! ผู้ประกาศข่าว NBT ติดเชื้อ สุราษฎร์ฯประกาศกรีนโซน ตรวจซ้ำสาวอยุธยาจนเจอ คาดได้รับจากสามีกลุ่มสนามชนไก่

วันที่ 22 มกราคม 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า วันเดียวกันมีการยืนยันจากผลการตรวจคัดกรองการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบว่ามีผู้ประกาศข่าวชายรายหนึ่ง ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ เอ็นบีที 2 เอชดี ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเบื้องต้นมีความเป็นไปได้ว่าอาจเชื่อมโยงกับกรณีของ “มะตูม” เตชินท์ พลอยเพชร หรือ ดีเจมะตูม ในลักษณะที่ไปรับงานอีเว้นท์และใช้ช่างแต่งหน้าคนเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้รับการยืนยันว่าช่างแต่งหน้าคนดังกล่าวได้ทำการตรวจคัดกรองแล้วมีผลเป็นลบ และไม่ได้เข้ามาที่ nbt แต่คาดว่าจากไทม์ไลน์ของนาย ส.กรกช น่าจะเป็นการไปทานอาหารกับเพื่อนเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่โรงแรมเรเนซองส์ เนื่องจากเพื่อนคนดังกล่าวติดเชื้อและได้โทรศัพท์มาแจ้งกับนายส.กรกช จึงได้ทำการตรวจคัดกรองซึ่งมีผลเป็นบวก

โดยการติดเชื้อของผู้ประกาศข่าวชายรายดังกล่าวของ nbt ส่งผลในวงกว้าง เนื่องจากก่อนที่อาการจะปรากฎ ได้อ่านข่าวร่วมกับผู้ประกาศข่าวหญิงและขายของ nbt อีก 3 ราย ซึ่งเป็นพิธีกรของ ศบค.ที่ใกล้ชิดกับนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.ด้วย ซึ่งการนั่งอ่านข่าวในสถานที่อากาศไม่ถ่ายเทร่วมกันเป็นเวลานาน ถือว่ามีอัตราเสียงที่ค่อนข้างสูง

รายงานข่าวจาก ศบค.เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้วันเดียวกันนี้ไม่มี พิธีกรที่ผลัดเปลี่ยนทำหน้าที่ ใน ศบค.กักตัวและเข้ารับการตรวจคัดกรอง ซึ่งนายแพทย์ทวีศิลป์ เองได้ระบุว่า ตนเองก็เป็นผู้หนึ่งที่สัมผัสกับผู้ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ก็จะไปตรวจคัดกรองด้วยเช่นกัน

ตรวจซ้ำ 2 ครั้งถึงเจอ สาวอยุธยาติด ‘โควิด’ คาดรับเชื้อจากสามีกลุ่มสนามชนไก่

ด้านนพ.พีระ อารีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัด พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากโรงพยาบาลวังน้อย ว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ รายที่ 41 เป็นหญิงไทย อายุ 39 ปี พักอาศัยอยู่ที่ ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นภรรยาผู้ติดเชื้อโควิดรายที่ 16 มีประวัติเดินทางไปสนามชนไก่

สำหรับไทม์ไลน์หญิงวัย 39 ปี มีดังนี้ วันที่ 6 ม.ค.2564 เวลา 09.00 น. เดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 (ครั้งที่ 1) ที่จุดตรวจคัดกรองโรคโควิด-19เชิงรุก ต.พยอม อ.วังน้อย โดยรถจักรยานยนต์ส่วนตัวคนเดียว ผลการตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19

วันที่ 7 ม.ค.2564 เวลา 08.00 น. เดินทางพาครอบครัว จำนวน 7 คน มาตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลวังน้อย โดยรถยนต์ส่วนตัว เนื่องจากพบว่าสามีติดเชื้อโควิด-19 ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ รายที่ 16 หลังจากนั้นเดินทาง กลับบ้านทันที ผลการตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ทุกคน

วันที่ 8-19 ม.ค.2564 เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ สั่งให้กักกันตัวอยู่ที่บ้านพัก หมู่ที่ 5 ต.พยอม อ.วังน้อย เนื่องจากเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง

วันที่ 20 ม.ค.2564 ช่วงเช้าเดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ครั้งที่ 2 ที่โรงพยาบาลวังน้อย โดยรถยนต์ส่วนตัว พร้อมครอบครัว จำนวน 7 คน หลังจากนั้นเดินทางกลับบ้านทันที

วันที่ 21 ม.ค.2564 ผลการตรวจพบเชื้อโควิด-19 ไม่มีอาการ สำหรับสมาชิกในครอบครัว อีก 7 คน ผลการตรวจครั้งที่ 2 ไม่พบเชื้อโควิด-19 ทั้ง 7 คน

สำหรับ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพบผู้ติดเชื้อ ในระลอกใหม่ แล้ว 41 ราย รักษาตัวหายแล้ว 36 ราย ยังคงมีผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ อีก 5 ราย

สุราษฎร์ธานีประกาศกรีนโซน หลังไม่พบผู้ติดเชื้อ 14 วัน

ขณะที่ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จ.สุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี ผกก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่สีเขียว เตรียมเปิดสถานบริการต่าง ๆ ให้สามารถกลับมาเปิดบริการได้ตามปกติ

นายวิชวุทย์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาจ.สุราษฎร์ธานี พบผู้ป่วยติดโควิด-19 จำนวน 11 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน และได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติกลับบ้านได้หมดทุกคนแล้ว และหลังจากวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา ก็ถือว่าครบเวลา 14 วัน ที่พบผู้ป่วยคนสุดท้าย และไม่พบผู้ป่วยรายใหม่

จ.สุราษฎร์ธานี จึงประกาศเป็นพื้นที่สีเขียวได้ทั้งจังหวัดและเตรียมเชิญคณะกรรมการโรคติดต่อจ.สุราษฎร์ธานี ประเมินสถานการณ์ เตียมเปิดสถานบริการณ์ต่าง ๆ คาดว่าในช่วงอาทิตย์หน้า ก็จะกลับมาให้บริการได้ตามปกติ แต่ก็ยังต้องอยู่ในมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ฝากถึงผู้ใช้โซเชียล ให้ติดตามข้อมูล โควิด-19 จากทางจ.สุราษฎร์ธานี เท่านั้น อย่าแชร์ข้อมูลข่าวสารสร้างความเข้าใจผิดหรือทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว ควรตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดก่อน และอย่าแชร์มั่วเพราะมีความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษหนัก

ทางจังหวัดต้องขอความร่วมมือจากชาวพี่น้องในจังหวัดสุราษฎร์ธานีการ์ดอย่าตก ให้ปฎิบัติตัวตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด คือการสวมหน้ากากอนามัยและล้างมือบ่อย ๆ และร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมต่อไป