วิโรจน์จวก’ประยุทธ์’ ด่าคนอื่นขยะแต่ตัวเองสวะ / “เลขาก้าวไกล”มองใช้112 เอาผิดปิดปาก”ธนาธร”ที่ควรทำคือเผยข้อมูลโปร่งใส

“ก้าวไกล” อัดรัฐบาลแจ้ง 112 เอาผิด “ธนาธร” เป็นการปิดปาก ปชช.ที่ออกมาตรวจสอบ – “ชัยธวัช” ชี้สิ่งที่ควรทำคือเปิดเผยสัญญาวัคซีน-สร้างความโปร่งใสต่อสาธารณชน ด้าน “วิโรจน์” จวก “ประยุทธ์” ด่าคนอื่นเป็นขยะแต่เองสวะ

เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากกรณีรัฐบาลมอบหมายให้ตัวแทนไปแจ้งความเอาผิดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ฐานความผิด ป.อาญา ม.112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กรณีการไลฟ์ของนายธนาธรหัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน ใครได้ ใครเสีย?” โดยกล่าวหาว่ามีเนื้อหาทำให้สถาบันโดนดูถูกเกลียดชังนั้น พรรคก้าวไกลมีความเห็นว่า การออกมาแสดงความคิดเห็นของนายธนาธร ถือเป็นการตรวจสอบรัฐบาลในการจัดการวัคซีนโควิดของรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่จะกระทบประชาชนเป็นวงกว้าง นี่เป็นการตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใส ให้การดำเนินการของรัฐบาลเป็นประโยชน์กับประชาชนให้มากสุด ไม่ใช่การชี้นำให้เกิดการดูถูกเกลียดชังตามข้อกล่าวหา ซึ่งเรื่องนี้ ทาง กมธ.การสาธารณสุข ก็เคยตั้งคำถามว่า เหตุใดเลือก บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นผู้รับเทคโนโลยีโดยรัฐบาลให้การสนับสนุน นี่เป็นการตั้งคำถาม และตรวจสอบตามปกติ ซึ่งตัวนายกรัฐมนตรีเองก็ได้เป็นคนแรกที่เปิดเผยเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ในพิธีเซ็นสัญญา โดยเป็นประธานและเปิดเผยเองว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงพระราชทานให้ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ รับการถ่ายทอด กลายเป็นที่สนใจจนปัจจุบัน

“เรายืนยันว่าเรื่องนี้เป็นการตรวจสอบ เป็นหน้าที่ และเป็นความชอบธรรมของประชาชนทุกคนไม่เฉพาะนายธนาธรเท่านั้น ดังนั้น หน้าที่ของรัฐบาลคือต้องออกมาชี้แจงโดยละเอียด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส การใช้งบประมาณ การทำสัญญากับเอกชนต่างๆ เป็นอย่างไร ต้องเปิดเผยสัญญากับเอกชนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเรื่องวัคซีนให้สาธารณชนหายสงสัย ซึ่งนี่จะเป็นการตอบคำถามดีที่สุด ไม่ใช่การใข้ ป.อาญา ม.112 มาปิดปากไม่ให้เกิดการตรวจสอบจากสาธาiณชน” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า การแจ้งความครั้งนี้ เป็นอีกกรณีหนึ่งที่เป็นการตอกย้ำการใช้ ป.อาญา ม.112 พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รวมถึง ม.116 เป็นเครื่องมือปิดปากผู้เห็นต่างทางการเมือง เราเห็นว่าการใช้กฎหมายในลักษณะนี้จะยิ่งส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกับประชาชน ยิ่งส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมไทย ยืนยันว่า การออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเป็นความชอบธรรมของประชาชน การฟ้องแบบนี้ไม่ใช่การปกป้องสถาบันที่ถูกวิธี ดังเช่นวันก่อนที่ศาลตัดสินให้อดีตข้าราชการท่านหนึ่งได้รับโทษ ม.112 สูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ 87 ปี แม้จะลดโทษลงกึ่งหนึ่งก็ยังถือว่าหนัก เรื่องนี้ ทำให้สังคมตั้งคำถาม เรื่องนี้ก็ทำให้เกิดผลกระทบกับสถาบัน เกิดเสียงวิจารณ์อย่างมากต่อสถาบัน และที่สำคัญคือขัดหลักสากลคือเรื่องเสรีภาพแสดงออก ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลเตรียมเสนอ ร่างแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับฐานความผิดหมิ่นประมาททั้งหมด รวมทั้ง ป.อาญา ม. 112 โดยทั้งหมดนี้จะเป็นชุดกฎหมายที่เราต้องการผลักดันให้เกิดการคุ้มครองเสรีภาพประชาชน รวมทั้งรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีความมั่นคงในสังคมไทย ชอบธรรม ดำรงอยู่ได้ด้วยความพร้อมใจของประชาชน ไม่ใช่บังคับใช้กฎหมายที่มีโทษเกินกว่าเหตุ

ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มีอดีต ผบ.ทบ.ถึง 3 คน ดังนั้น ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ การปกป้องพระเกียรติยศควรคำนึงให้มากว่า สิ่งที่ตัวเองทำนั้น ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือเปล่า ต้องถามกลับไปที่นายกรัฐมนตรีและพวก และที่สำคัญคือต้องเอาสัญญาตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารมาเปิดเผย ซึ่งจริงๆ ไม่ต้องรอให้สาธารณชนเรียกร้องด้วยซ้ำ ตัวนายกรัฐมนตรีต้องเอาสัญญามาเปิดเผย เพราะตัวเงินสนับสนุนนั้นเป็นเงินของประชาชน แต่ถ้าเป็นเงินส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตนเองจะไม่ว่าอะไรเลย แต่อย่างไรก็ต้องติดตามเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องวัคซีนที่ต้องฉีดให้กับคนไทยทุกคน เป็นเรื่องสาธารณะ นายกรัฐมนตรี และ ครม. ต้องเปิดเผยโดยที่ประชาชนไม่ต้องทวงถาม แต่ถึงวันนี้ ตนถามไปกี่วันแล้ว นอกจากออกมาด่าว่าบิดเบือน ส่งไอโอมารุมผม ทำภาพตัดแปะ ท่านควรเอาสัญญามากาง แค่นี้ก็จบ ไม่ต้องปากดีทำภาพตัดแปะ บอกว่าผมเป็นขยะ หรือบอกว่าใครเป็นขยะ ถ้าอย่างนั้นท่านเองก็เป็นสวะเหมือนกัน

“ผมถามไปหลายครั้งไม่เคยมีใครตอบ นี่เป็นเรื่องที่สาธารณชนพึงรู้ เพราะเป็นเรื่องการใช้เงินภาษีของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาเราเห็นในโพสต์มากมายว่าเงินที่รัฐบาลสนับสนุนไปจะกลายเป็นวัคซีน 26 ล้านโดส เราก็อยากรู้ว่ามูลค่าต่อโดสนั้นเท่าไหร่ และถ้ารัฐบาลต้องจัดซื้อจาก บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ด้วยงบประมาณแผ่นดิน เขาคิดราคาเราเท่าไหร่ และขีดความสามารถในการส่งวัคซีนเดือนละกี่โดส เพราะเราก็ต้องมาคำนวนว่าการจะฉีดได้ครอบคลุมนั้นจะใช้เวลาเท่าไหร่ รวมถึงราคาที่จะขายให้กับรัฐบาลไทยเมื่อเทียบกับ 174 ล้านโดสที่จะขายให้ประเทศในอาเซียนตามแผนของเขาราคาแตกต่างกันหรือไม่ เราได้ส่วนลดที่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนที่คุ้มค่าหรือไม่ สิ่งเหล่านี้จะต้องตอบได้หมด ถ้ารัฐบาลนำสัญญา ข้อตกลง เงื่อนไขผูกพันทั้งหมดมากางบนโต๊ะ แล้วให้ประชาชนได้ร่วมตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใส ซึ่งความโปร่งใส การดำเนินการอย่างรอบคอบนั้น จะเป็นการปกป้องพระเกียรติยศที่ดีที่สุด การเก็บเงียบๆ ไม่ตอบคำถาม แล้วเอา ป.อาญา ม.112 มาแจ้งความคนตั้งคำถาม ทั้งที่เขาตั้งคำถามต่อรัฐบาล นี่เป็นการกระทำที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทอย่างยิ่ง” นายวิโรจน์ กล่าว