การเมืองสหรัฐฯ : แจ้งเตือนภัย ทำซ้อมสาบานตนมีสะดุด! ‘ทรัมป์’ ออกคำสั่งส่งท้าย

อีกไม่กี่วันก็ใกล้ถึงวันสำคัญของการเมืองสหรัฐฯที่รัฐบาลเก่าจะมอบอำนาจให้รัฐบาลใหม่ ในวันที่ 20 มกราคม หรือวันพรุ่งนี้ แต่รัฐบาลสหรัฐฯของโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงมีคำสั่งที่กลายเป็นประเด็นจนถึงวันสุดท้าย

โดยซีเอ็นเอ็น รายงานจากแหล่งข่าว 3 คน ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเตรียมออกชอภัยโทษและการลดโทษราว 100 คน ในวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐอเมริกา (19 ม.ค.) ถือเป็นการผ่อนผันโทษครั้งสำคัญแก่ผู้กระทำความผิด ทั้งคนใหญ่คนโต เหล่านักดนตรีแร็ปชื่อดัง และอื่นๆ แต่คาดว่าจะไม่รวมประธานาธิบดีทรัมป์เองด้วย

แหล่งข่าว 2 คน บอกด้วยว่า ทำเนียบขาวจัดการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ม.ค. เพื่อสรุปรายชื่อของผู้ได้รับบอภัยโทษ

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งกล่าวว่า ยังไม่ได้ร่างเอกสารเพื่อชบอภัยโทษของประธานาธิบดีทรัมป์เอง อย่างไรก็ตาม คาดว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะออกจากทำเนียบขาวในวันที่ 20 ม.ค. และสามารถออกอภัยโทษได้จนถึงเที่ยงวันของวันที่ 20 ม.ค. ซึ่งเป็นวันประกอบพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นายโจ ไบเดน

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้รับคำแนะนำมากมายถึงการอภัยโทษจากบรรดาที่ปรึกษาที่ยังอยู่ในทำเนียบขาว ตลอดจนล็อบบียิสต์ที่พยายามวิ่งเต้นหลายเดือนเพื่อขออภัยโทษตัวเองหรือผู้ว่าจ้าง ด้วยความคาดหวังว่าในหมู่พันธมิตรว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะออกอภัยโทษที่ตนเองได้รับประโยชน์จากการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

“ทุกอย่างเป็นธุรกรรม ประธานาธิบดีทรัมป์ชอบอภัยโทษเพราะเป็นการกระทำฝ่ายเดียว และชอบทำประโยชน์ให้คนที่ผู้นำสหรัฐคิดว่าจะเป็นหนี้บุญคุณตนเอง” แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าว

แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ภายในทำเนียบขาว บรรดาพันธมิตรและกลุ่มผู้สนับสนุนแย่งกันยื่นคำร้องขออภัยโทษ อีกทั้ง รายชื่อผู้ได้รับอภัยโทษสามารถเพิ่มและถอดได้จนถึงนาทีสุดท้าย

สอดคล้องกับ นิวยอร์กไทม์ ที่รายงานก่อนหน้านี้ว่า บรรดาพันธมิตร ล็อบบี้ยิสต์ และบุคคลอื่นๆ บางส่วนได้รับเงินหลายหมื่นดอลลาร์สหรัฐจากผู้มีคดีความที่จ้างวิ่งเต้นหวังได้รับอภัยโทษ ในช่วงวันสุดท้ายของประธานาธิบดีทรัมป์ในการดำรงตำแหน่ง

การอภัยโทษเป็นหนึ่งในหลายภารกิจที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องเสร็จสิ้นก่อนหมดวาระในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่เหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภา หรือยูเอสแคปิตอล เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกสภาผู้แทนราษฎรมีมติถอดถอนเป็นครั้งที่สอง การอภัยโทษของผู้นำสหรัฐเอง รวมถึงลูกๆ และ นายรูดี จิวเลียนี ทนายความส่วนตัวของประธานาธิบดีทรัมป์ จึงมีความซับซ้อนขึ้น

ในจุดนี้ บรรดาที่ปรึกษาไม่คิดว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเดินหน้าต่อ แต่เตือนว่าผู้นำสหรัฐเท่านั้นที่รู้จะทำอะไรกับอำนาจตัวเองครั้งสุดท้ายก่อนอำลาตำแหน่งอย่างเป็นทางการตอนเที่ยงวันของวันที่ 20 ม.ค.

แหล่งข่าวอีกคนหนึ่งกล่าวว่า หลังเหตุจลาจล ทีมที่ปรึกษาสนับสนุนให้ประธานาธิบดีทรัมป์ยกเลิกอภัยโทษตนเอง เนื่องจากดูเหมือนว่าผู้นำสหรัฐมีความผิดบางอย่าง นอกจากนี้ ที่ปรึกษาผู้ใกล้ชิดหลายคนยังเร่งเร้าไม่ให้ประธานาธิบดีทรัมป์ผ่อนผันโทษทุกคนที่พัวพันกับการปิดล้อมอาคารรัฐสภา ทั้งที่ผู้นำสหรัฐมีท่าทีตอนแรกว่าคนเหล่านั้นไม่มีความผิด

ก่อนหน้านี้ ลินด์เซย์ เกรแฮม ส.ว.พรรครีพับลิกัน ให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ ว่า คนจำนวนมากเร่งเร้าให้ประธานาธิบดีทรัมป์อภัยโทษคนธรรมดาที่พัวพันกับจลาจล แต่ว่า การหาทางอภัยโทษคนเหล่านี้ถือเป็นความผิด

ทรัมป์เลิกคำสั่งห้าม ‘อียู-บราซิล’ เข้าสหรัฐ ‘ไบเดน’ ขวางทันที

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะพ้นตำแหน่งในอีกเพียง 2 วัน ยกเลิกคำสั่งห้ามเดินทางเข้าสหรัฐของคนจากชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) และบราซิล ที่พบการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก โดยให้มีผลในวันที่ 26 มกราคมนี้

คำสั่งยกเลิกการห้ามเดินทางดังกล่าว มีขึ้นในวันเดียวกับคำสั่งที่ให้ผู้เดินทางเข้าสหรัฐจะต้องมีผลตรวจว่าไม่ติดโควิด-19 กับผู้ที่เดินทางทางอากาศมายังสหรัฐทุกคน

อย่างไรก็ดีทรัมป์ไม่ได้ยกเลิกข้อห้ามการเดินทางเข้าสหรัฐของผู้ที่มาจากจีนและอิหร่านแต่อย่างใด

ด้านโฆษกของนายโจ ไบเดน ที่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 มกราคมนี้ออกมาระบุทันทีว่า ไบเดนวางแผนที่จะขยายคำสั่งห้ามการเดินทางของผู้ที่มาจากประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปและบราซิลต่อ ทันทีที่คำสั่งของทรัมป์มีผลในทางปฏิบัติ

เหตุผลสำคัญที่จะต้องมีการขยายมาตรการดังกล่าวออกไปเนื่องจากเป็นคำแนะนำของทีมแพทย์ที่ปรึกษา เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงย่ำแย่ และยังมีการติดเชื้อของไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ทั่วโลก จึงไม่ใช่เวลาที่จะยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศในขณะนี้

ซ้อมสาบานตน ‘ไบเดน’ สะดุด เจอแจ้งเตือนภัย

การเตรียมความพร้อมและการซ้อมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดน เมื่อวันที่ 18 มกราคม ตามเวลาในสหรัฐ ต้องหยุดลงชั่วคราวหลังได้รับแจ้งเตือนเหตุด้านความปลอดภัย

สถานที่ราชการสำคัญในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ถูกล็อกดาวน์ หลังตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีผู้เห็นกลุ่มควัน เนื่องจากเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นในบริเวณใกล้เคียงห่างออกไปเพียงไม่กี่บล็อก

อย่างไรก็ดีการล็อกดาวน์มีขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะประกาศว่าไม่มีสิ่งที่เป็นภัยต่อสาธารณะ ขณะที่สภาคองเกรสก็กลับมาประชุมกันต่อได้ตามปกติ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนหน้าวันสาบานตนของนายไบเดนที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 มกราคมนี้เพียง 2 วันเท่านั้น ทำให้ต้องมีการเลื่อนการซ้อมตามกำหนดการที่จะมีขึ้นในวันจันทร์ออกไป

ขณะนี้มีการวางกำลังรักษาความปลอดภัยในกรุงวอชิงตันอย่างเข้มงวด และมีการระดมกำลังทหารมากกว่า 20,000 นายเข้ามาในเมืองหลวง เพื่อดูแลให้พิธีสาบานตนเป็นไปอย่างเรียบร้อยที่สุด