‘โจ้’ ลั่น ‘ฝ่ายค้าน’ มีหมัดเด็ดซักฟอก ชี้ ‘บิ๊กตู่’ โดนหนักแน่ จี้ตัดงบกองทัพปี 65 ช่วยปชช.ช่วงโควิด

วันที่ 17 มกราคม 2564 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. แถลงว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นในวันที่ 25 มกราคมนี้ จะเป็นการอภิปรายเป็นรายบุคคล ซึ่งมีคนปรามาสว่าพรรค พท.และฝ่ายค้านคงทำอะไรรัฐบาลไม่ได้

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ขอเรียนว่าที่ผ่านมาเรามีเรื่องใหญ่ๆ หลายเรื่องที่ทำให้รัฐบาลสั่นคลอน เช่น เรื่องนายกฯอยู่บ้านหลวง จนเรื่องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถ้า พท.ไม่พูด ป่านนี้ต่อสัญญาไปตั้งนานแล้ว และการอภิปรายครั้งนี้เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวยิ่งเข้มข้นขึ้น เพราะแม้แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก็คัดค้านการต่อสัญญาดังกล่าว

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ขณะนี้ กทม.เป็นหนี้บีทีเอสอยู่ 9,000 ล้านบาท โดย กทม.อ้างว่ามีสาเหตุจากการให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าฟรี หากไม่ต่อสัญญาหลังวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ ประชาชนอาจต้องจ่ายค่าโดยสารสูงสุดถึง 158 บาท ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ควบคุม กทม. ดูแลอย่างไรถึงให้ประชาชนต้องจ่ายค่าโดยสารถึง 158 บาท และต้องเอาเงินของคน กทม.ที่ไม่ได้นั่งรถไฟฟ้ามาจ่ายด้วยหรือ

“ขอถามว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. มีอำนาจอะไรถึงให้นั่งฟรี ดังนั้น การอภิปรายครั้งนี้จะโยงไปถึงนายกฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ลงนามใน พ.ร.บ.ร่วมทุน

“ฝ่ายค้านมีหมัดเด็ด หลังการอภิปรายจะทำให้มีคนต้องไปศาลรัฐธรรมนูญต่ออีก และครั้งนี้นายกฯโดนหนักแน่ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่ากรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว พรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะยกมือให้กับฝ่ายค้านด้วย” นายยุทธพงศ์​กล่าว

จี้ตัดงบปี 65 ของ 3 เหล่าทัพ ช่วย ปชช.ช่วงโควิด

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบนี้ถือว่าหนักกว่าปีที่แล้ว ประชาชนเดือดร้อนทั้งประเทศ รัฐบาลตัดงบลงทุนออกแบบนี้ไม่มีใครเขาทำกัน เพราะเป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่จ่ายเงินเยียวยาประชาชนเพียงเดือนละ 3,500 บาท 2 เดือนเท่านั้น เมื่อเทียบกับการแก้ปัญหาปีที่แล้วท่านให้น้อยลง ทั้งที่การแพร่ระบาดครั้งนี้หนักกว่าเดิม ทั้งยังบอกว่าจะให้แค่ 28 จังหวัดเพราะไม่มีเงินแล้ว

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ตนอยากเรียกว่า ผลกระทบจากโควิดไม่ได้มีแค่ 28 จังหวัด หากท่านจะพิจารณาให้เงินช่วยเหลือก็ควรช่วยชาวบ้านทั้งประเทศ เพราะเดือดร้อนกันหมด ดังนั้น ในการจัดทำงบประมาณปี 65 โดยเฉพาะงบของทั้ง 3 เหล่าทัพ โดยงบประมาณของ กองทัพเรือ ที่มีการจัดซื้อเรือดำน้ำจีน 2 ลำ จำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ในการจัดทำงบปี 64 ก็ชะลอการจัดซื้อออกไปเพราะการระบาดของโควิด-19 ซึ่งการระบาดรอบ2 ถือว่าหนักกว่า ก็ควรที่จะชะลอการจัดซื้อออกไปแล้วนำเงินมาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดก่อน

“จึงขอถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ไม่ตัดสินใจยกเลิกการจัดซื้อเรือดำน้ำ เพราะสถานการณ์ประเทศขณะนี้เรือดำน้ำยังไม่จำเป็น ท่านควรทำเงิตรงนี้มาชช่วยเหลือประชาชนก่อนดีหรือไม่” นายยุทธพงศ์กล่าว

นายยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้งบปี 65 ของ กองทัพบก มีรายการที่ต้องใช้งบประมาณใหญ่ คือ 1.โครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตี วงเงินกว่า 4,200 ล้านบาท 2.โครงการจัดหารถยานเกราะ จำนวนกว่า 1 พันล้านบาท และ 3.โครงการจัดหายานเกราะล้อยาง เพื่อเสริมสร้างการรบรูปแบบใหม่ จำนวน 900 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดยังไม่จัดซื้อ เหตุใด พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม จึงไม่สั่งให้เลื่อนหรือชะลอการซื้อสิ่งเหล่านี้

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ส่วนงบฯ กองทัพอากาศ มีรายการใหม่ที่ยังไม่ได้จัดซื้อ คือโครงการจัดหาเครืองบินโจมตีเบา 4,500 ล้านบาท โครงการสร้างคลังอาวุธและจัดหาอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิดวิกฤต จำนวน 900 ล้านบาท และโครงการพัฒนาปฏิบัติการในห้วงอวกาศ จำนวน 1,470 ล้านบาท

ผมขอถามว่า ท่านจะไปทำอะไรในห้วงอาวกาศในช่วงนี้ เพราะแค่ลำพังเครื่องบินของสายการบินในประเทศช่วงนี้ยังไม่มีคนนั่งเลย ดังนั้น สิ่งเหล่านี้สามารถชะลอได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อผมนำงบประมาณที่สามารถชะลอได้ของทั้ง 3 เหล่าทัพมาคำนวณแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท หากเอาไปช่วยเหลือประชาชนคนละ 3,500 บาท คนละ 2 เดือน จะช่วยประชาชนได้อีก 5.43 ล้านคน และเมื่อท่านบอกว่างบประมาณในปีนี้ไม่เพียงพอ ท่านก็ต้องรู้จักประหยัด ขณะนี้ที่ท่านสั่งให้หน่วยงานอื่นหั่นงบประมาณแหลกลาน ตัดงบฯลงทุนที่จะสร้างงานในต่างจังหวัดให้กับประชาชน แต่ท่านกลับไม่แตะงบฯกองทัพเลย” นายยุทธพงศ์ กล่าว