วันที่ 15 มกราคม 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเชิงวิเคราะห์ ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลจากโควิด-19 ของโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจำนวน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อเพิ่มการจ้างงานและการใช้จ่ายนั้น นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายระยะยาวภาวะถดถอยช่วงการระบาดใหญ่ครั้งทำลายสถิติ

โดยนักวิเคราะห์ ได้เริ่มออกมาคาดการณ์ถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ หลังจากชัยชนะในมลรัฐจอร์เจียที่ทำให้พรรคเดโมแครตสามารถควบคุมเสียงที่นั่งทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา

แม้ว่าจะมีการผ่านมาตรการชุดเล็กจำนวน 8.9 แสนดอลลาร์สหรัฐฯไปเมื่อธันวาคมที่ผ่านมา โดยใช้กับการใช้จ่ายเพื่อจัดหาวัคซีนจำนวนมาก ทดสอบและกระจายไปให้รัฐบาลทั้งระดับมลรัฐและท้องถิ่นไปถึงแนวหน้าในการรับมือการระบาดเพื่อทำให้ประเทศยุติวิกฤตสาธารณสุขให้เร็วที่สุด

นักวิเคราะห์ระบุว่า มาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลไบเดนที่กำลังมาถึงเพื่อช่วยเหลือตามเป้าหมายนั้น จะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมาก รวมทั้งการเพิ่มเงินในสัปดาห์พิเศษแก่ผู้ว่างงานจาก 300 ดอลลาร์ เป็น 400 ดอลลาร์ อีกทั้งเงินจำนวน 1.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อช่วยโรงเรียนกลับมาเปิดใหม่ ซึ่งปิดตัวลงในหลายส่วนของประเทศจนทำให้กำลังครูกว่าล้านคนโดยเฉพาะผู้หญิงต้องตกงาน

ไม่เพียงเท่านี้ มาตรการเยียวยายังมีเงินพิเศษ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯให้กับชาวอเมริกันส่วนใหญ่เพื่อใช้จ่ายค่าเช่าหรือซื้อของที่จำเป็น หรือเก็บไว้ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวหรือรับประทานอาหารนอกบ้านในปีถัดไปเมื่อการกระจายวัคซีนที่กว้างขึ้น จนสามารถนำชีวิตประจำวันกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม มาตรการเยียวยาที่นำเสนอนี้ ยังคงต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสก่อน ถึงจะสามารถนำเงินจากคลังทั้งหมดจำนวน 5.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯเข้าไปในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯนับตั้งแต่เกิดวิกฤต หรือราวๆ 1 ใน 4 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ไรอัน สวีท นักเศรษฐศาสตร์ของมูดี้ คาดการณ์ว่า นี่จะเพียงพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาเหมือนเดิมหลังถดถอยอย่างหนักจากโควิด-19 ได้ภายในไตรมาส 3 ของปี 2564 แต่ถึงกระนั้น การฟื้นฟูตลาดแรงงานอาจใช้มากกว่านั้น