ศรีสุวรรณ พบ วราวุธ ห่วง แม่เกิบรุกป่าเพิ่ม ทส.ชี้กำลังจัดสรรเข้า คทช.

‘ศรีสุวรรณ’ พบ ‘วราวุธ’ ห่วงหมู่บ้านแม่เกิบรุกป่าเพิ่ม ด้านทส.ย้ำปี 64 เร่งสำรวจพื้นที่คทช.เกือบ 7 ล้านไร่ ให้เสร็จ รังวัดขอบเขตพื้นที่ป่าชัดเจน ห้ามบุกรุกเพิ่มเด็ดขาด เผยกำลังจัดสรรหมู่บ้านแม่เกิบในโครงการคทช. ด้วย

เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เข้าพบนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. กรณีข้อสงสัยในพื้นที่หมู่บ้านแม่เกิบ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ว่ามีการบุกรุกป่าหรือไม่ โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส. นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรมว.ทส. และนายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ เข้าร่วมประชุม

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบดูแล้ว พบว่าหมู่บ้านแม่เกิบอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอมก๋อย ซึ่งมี พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ในการห้ามแผ้วถางทำลายป่าคุ้มครองพื้นที่อยู่ ซึ่งตนไม่ได้มากดดันให้รัฐมนตรีไปไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ แต่ตนก็เป็นนักอนุรักษ์จึงมีความเป็นห่วงพื้นที่ป่า เพราะหมู่บ้านแม่เกิบอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 และ 2 ถือเป็นพื้นที่ไข่แดง และเกรงว่าต่อไปหมู่บ้านแห่งนี้อาจมีประชากรเพิ่มเติม จะมีการขยายพื้นที่ทำกินหรือไม่ และอยากทราบว่าทส. จะมีแนวทางป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่มเติมได้อย่างไร

ด้านนายวราวุธ กล่าวว่า กรณีหมู่บ้านแม่เกิบที่มีประชาชนไปสร้างความเจริญให้ ตนถือว่าเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปติดตั้งโซล่าเชลล์แทนการเดินสายไฟที่น่าจะทำอย่างยากลำบาก ซึ่งตนพูดเสมอว่าการพัฒนาจะต้องควบคู่ไปกับการอนุรักษ์เสมอ ดังนั้นในข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องพื้นที่ป่านั้นทางกรมป่าไม้ได้มีข้อตกลงร่วมกับหมู่บ้านแม่เกิบตามโครงการจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ ตามแนวทางของมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 อยู่แล้ว โดยสำรวจและกำหนดเป็นแปลงจะรับรอง 72 แปลง จำนวน 41 ครัวเรือน ซึ่งจะเป็นการอยู่ร่วมกับป่าอย่างเกื้อกูล โดยให้สิทธิทำกินในพื้นที่ป่า แต่ไม่ได้ให้กรรมสิทธิเพราะฉะนั้นจะไม่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือได้

นายวราวุธ กล่าวอีกว่า เดิมทีในโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ของรัฐบาลได้ให้ทส. สำรวจพื้นที่ป่า ทั้งป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนแห่งชาติเกือบ 7 ล้านไร่ เพื่อจัดสรรที่ดินทำกินให้ชาวบ้านผู้ยากไร้ ให้สำรวจเสร็จสิ้นภายในปี 2565 แต่ตนได้สั่งการทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ให้เร่งรัดสำรวจพื้นที่ให้เสร็จภายในปี 2564 นี้ ซึ่งเมื่อเราสำรวจเสร็จจะมีเส้นขอบเขตพื้นที่ป่าที่ชัดเจน จะไม่มีการบุกรุกเพิ่ม แต่หากชาวบ้านที่เราจัดสรรที่ทำกินให้บุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมก็ถือว่าผิดกติกา

ด้านนายจตุพร เสริมว่า ในปี 2564 ทส. จะรังวัดสำรวจพื้นที่คทช. ทั้งหมด เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยในการจัดสรรคนลงในพื้นที่ ซึ่งจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ เช่น ต้องเป็นคนในพื้นที่ และหากได้อยู่ในโครงการคทช.แล้ว ชาวบ้านมีการเผาป่าเราก็จำเป็นต้องขอคืน และห้ามบุกรุกเพิ่ม ฉะนั้นกติกาของคทช.จะเข้มมาก ส่วนหมู่บ้านแม่เกิบจะก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่เราจะจัดสรรลงในโครงการคทช. ส่วนเรื่องสาธารณูปโภคอย่างไฟฟ้า ก็ต้องเป็นการติดตั้งโซล่าเชลล์เท่านั้น เพราะไม่สามารถเดินสายไฟได้เนื่องจากพื้นที่อยู่ห่างไกล

จากนั้นนายศรีสุวรรณ ถามถึงกรณีการทำไร่หมุนเวียนของชุมชน ที่เกรงว่าจะมีการขยายพื้นที่ป่าเพิ่มเติม โดยนายวราวุธ กล่าวว่า โดยเฉลี่ยพื้นที่ทำกินของคทช.จะให้ครอบครัวละประมาณ 20 ไร่ ซึ่งการทำไร่หมุนเวียนกลุ่มชาติพันธุ์มักจะระบุว่าเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมที่ทำกันมาหลายชั่วอายุคน แต่ตนได้พยายามทำความเข้าใจว่าประเพณีปฏิบัติหลายๆอย่าง เช่น ประเพณีการลอยกระทงที่มีมากว่าหลายร้อยปี เป็นประเพณีที่ขอขมาพระแม่คงคา เมื่อก่อนประชากรไม่เยอะมากก็ยังลอยกระทงกันได้ แต่ปัจจุบันหากคน 77 ล้านคนต้องลอยกระทงก็จะเกิดปัญหาขยะได้ เช่นเดียวกันกับการทำไร่หมุนเวียน เพราะปัจจุบันกลุ่มชาติพันธุ์ รวมทั้งคนไทยที่อาศัยอยู่ในป่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่พื้นที่ป่าจำนวน 323 ล้านไร่ของไทยมันไม่เพิ่มขึ้น ฉะนั้นเราต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติว่าทำไม่ได้อย่างเก่า