‘เคนมผง’ : ยาเสพติดสูตรใหม่ เสพทีเดียวตาย ระบาดหนักทั่วกทม.ผบ.ตร.สั่งกวาดล้าง

กลายเป็นยาเสพติดชนิดใหม่ที่รู้จักกันอย่างรวดเร็ว หลังมีรายงานข่าวผู้เสียชีวิตหลายคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตัวนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกกันว่า ‘เคนมผง’ ยาเสพติดที่ผสมด้วยสารเสพติดหลายชนิดจนทำให้มีฤทธิ์รุนแรง

โดยวันนี้ (11 มกราคม 2564)  พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีมียาเคนมผงระบาดหนักหลายพื้นที่กรุงเทพฯ จนมีผู้เสียชีวิต ในพื้นที่ บก.น.5 เขต สน.วัดพระยาไกร, สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.บางโพงพาง รวมทั้งสิ้น 9 ราย ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมาว่า ยาเสพติดนี้เป็นยาที่ผสมขึ้นเองในหมู่ของผู้เสพเฉพาะกลุ่ม เพื่อให้ยามีฤทธิ์แรงขึ้นสนุกมากขึ้น และเพิ่มมูลค่าของตัวยาให้มีราคาสูงมากขึ้น พบว่ายาตัวดังกล่าวน่าจะมีที่มาจากแหล่งใน จ.ปทุมธานี เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นแหล่งพักยาและสามารถหาส่วนผสมทั้งหมดได้ง่าย

พล.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า ส่วนผสมของยาดังกล่าวมี 4 ชนิด คือเฮโรอีน เคตามีน ไอซ์ และยานอนหลับ จากการวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่าตัวยาที่อันตรายที่สุดคือเฮโรอีน เนื่องจากยาเสพติดชนิดดังกล่าวมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอาการโอเวอร์โดสจนถึงขั้นเสียชีวิตได้มากที่สุด โดยมียานอนหลับเป็นตัวประสานตัวยาและตัวเร่งฤทธิ์ของยาทั้งหมด ผู้เสพจะมีอาการมึนเมาเหมือนคนเมาเหล้าแต่จะไม่มีกลิ่นสุรา และจะมีอาการสะลึมสะลือ โดยอาการที่อันตรายที่สุดคืออาการปากเขียวคล้ำ และมีเลือดออกทางจมูก เนื่องจากอาการดังกล่าวแปลว่าผู้เสพมีอาการเสพยาเกินขนาดจนร่างกายไม่สามารถรับได้ หรือน็อคยา หากพบอาการดังกล่าวให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด หากเสพเพียงครั้งเดียวก็อาจถึงแก่ชีวิตได้เพราะเป็นยาที่มีขนาดค่อนข้างรุนแรง

พล.ต.ท.มนตรี กล่าวอีกว่า สาเหตุที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในพื้นที่ สน. วัดพระยาไกร จากการวิเคราะห์ของชุดสืบสวนเชื่อว่าในจุดดังกล่าวเป็นจุดที่มีอพาร์ทเม้นท์แหล่งท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากจึงเป็นจุดที่ผู้ใช้ยาแต่ละคนนำยากลับมาเสพในที่พักของตนเอง ทั้งนี้คาดว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดน่าจะมีความเชื่อมโยงกันไม่ทางตรงก็ทางอ้อมจึงสามารถนำยาชนิดดังกล่าวมาเสพในกลุ่มและกระจายกลับไปในพื้นที่ของตนเอง

ด้านข่าวสดออนไลน์ ได้รายงานกรณีที่เกิดขึ้นในฝั่งญาติของผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยตรง โดยเมื่อเวลา 12.30 น. นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี พ่อของ นายป๋อง ( นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ได้เปิดใจหลังจากที่ ลูกชายได้พาเพื่อนมาสังสรรค์ที่บ้าน แล้วปรากฏว่า มีสาวเสียชีวิตที่บ้านพัก 1 คน และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งคน โดยสาเหตุเกิดจากเสพยาเสพติด

นายเอ กล่าวว่า ก่อนวันเกิดหนึ่งวัน นายป๋อง ได้พาเพื่อนมาดื่มสุราที่ชั้นล่างของบ้าน ซึ่งมีชาย 3 คน และผู้หญิงอีก 2 คน รวมลูกชายแล้วทั้งหมด 5 คน นั่งสังสรรค์กันจนเมา แล้วลูกบอกพ่อว่า เพื่อนไม่สามารถกลับบ้านได้ เพราะเมามาก ก็เลยให้ทั้งหมดขึ้นไปนอนที่ชั้น 2 ของบ้าน จากนั้น ก็เห็นลูกซื้อแอลกอฮอล์เข้าไปดื่มเพิ่มอีก จนกระทั่ง ช่วงเย็นของวันศุกร์ ก็เห็นว่าผู้หญิงคนหนึ่ง เดินลงมาจากชั้นบน เพื่อมาซื้อกับข้าวขึ้นไปกินกันต่อ จากนั้นตนก็ไม่ได้ยินเสียงโวยวายอะไร ตอนตนขึ้นไปเอากับข้าวชั้นบน ก็เห็นว่า มีผู้หญิงคนนึงนอนอยู่บนโซฟา ลักษณะเหมือนคนนอนหลับปกติ เราก็คิดว่าน่าจะยังไม่ฟื้น ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็เลยลงมาทำงานข้างล่างต่อ

จากนั้นต่อมา ตนก็เห็นรถมูลนิธิมาจอดที่หน้าบ้าน เราก็ตกใจมาก ขึ้นไปดูชั้นบน ก็เห็นว่าเข้าหน้าที่ยกร่างห่อผ้าขาวลงมาจากบ้าน ตนก็เลยรีบวิ่งขึ้นไปดูข้างบน เห็นมีผู้หญิงเสื้อสีแดง นอนอยู่กลางบ้าน ขณะที่ เพื่อนของลูกชายรวมถึงลูกชาย มีอาการคล้ายกับคนเมายา ใต้ตาคล้ำ ตาลอย พูดไม่รู้เรื่อง และเหมือนหลอนอะไรบางอย่างจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวคนที่เหลือไปสอบปากคำ ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดแล้ว

มาทราบภายหลังว่า สาวเสื้อแดงไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล สำหรับสาเหตุนั้นตนทราบมาจากตำรวจว่า น่าจะมาจากการเสพยาเกินขนาด แล้วตนก็ไม่ทราบเลยว่า ยาเสพติดชนิด เคนมผง นั้นคืออะไร ตนถามลูกชาย เขาก็ไม่ยอมรับว่าเสพ แต่ตนดูออก ต่อมา หลังจากมีคนเสียชีวิตที่บ้าน ทางด้านครอบครัวของผู้เสียชีวิตและชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ก็มาต่อว่าตน ซี่งตนเครียดมาก ลูกชายเองก็ไม่กล้ากลับบ้าน เพราะว่า มีคนจะมาทำร้ายถึงหน้าบ้าน จึงขอไปอยู่กับเพื่อนก่อน

ล่าสุด พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.ได้กล่าวว่า ภายหลังทราบเรื่อง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ บช.ปส. เป็นแม่งานเรื่องยาเสพติดไปสุ่มตรวจสอบตามสถานที่คาดว่ายาเสพติดตัวนี้จะแพร่ระบาด พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ตรวจสอบสถานบริการที่คาดว่ายาเสพติดตัวนี้จะแพร่ระบาดและให้เร่งดำเนินการกวาดล้างทันที

“ยาเสพติดตัวนี้จะน่าเป็นการทดลองผสมผสาน เนื่องจากวัฒนธรรมของผู้เสพยาจะนำส่วนผสมต่างๆ มารวมกันเพื่อเสพ ทดลองรสชาติที่แปลกใหม่ ส่วนกลุ่มผู้เสพที่เสียชีวิตหลายคนจะรู้จักคุ้นเคยกันหรือไม่ยังตอบไม่ได้อยู่ระหว่างการสอบสวนของ บช.สป.ที่ต้องสอบพยานแวดล้อมคือผู้เสพที่ยังไม่เสียชีวิต ฝากไปยังกลุ่มวัยรุ่นยาเสพติดจะผสมอะไรหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีอยู่แล้ว มันทำลายสุขภาพตัวเองและผิดกฎหมาย” โฆษก ตร. กล่าว