วันที่ 10 มกราคม 2564 พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่าวิกฤติการณ์โควิด เมื่อรัฐบาลสืบทอดอำนาจเน้นใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือหลักในการแก้ไขปัญหา เจ้าภาพการจัดการจึงเป็นฝ่ายความมั่นคง แต่หน่วยงานความมั่นคงกลับเป็นต้นเหตุการแพร่ระบาดโควิดเสียเอง โดยเฉพาะล่าสุดเกิดจากฝ่ายความมั่นคงปล่อยปละละเลยให้แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายเข้ามาแพร่เชื้อในประเทศ กับละเลยให้เกิดบ่อนการพนันแล้วนักพนันติดโควิดแพร่เชื้อไปทั่ว

ความย่อหย่อนดังกล่าวได้ถูกประชาชนครหาว่าเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ไปรับส่วย แทนที่จะเร่งกู้ภาพพจน์ ระดมใช้ทรัพยากรต่างๆของกองทัพเข้ามาคลี่คลายวิกฤติโควิด เช่นมอบพื้นที่และสถานที่หน่วยทหารไปช่วยเหลือพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดให้ใช้เป็นโรงพยาบาลสนามพร้อมจัดบุคลากรทางการแพทย์และกำลังพลของกองทัพเข้าร่วมสนับสนุนอย่างทันท่วงทีก็ไม่กระทำกัน จึงถูกมองว่าเป็นกองทัพที่เหินห่างประชาชน ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะอำนาจอธิปไตยของประชาชนที่ถูกยึดไปตั้งแต่ปี57 มันได้เฉลยคำตอบให้เห็นว่ารัฐบาลสืบทอดอำนาจได้กอดคอกับกลุ่มทุนผูกขาดธุรกิจและฝ่ายความมั่นคง จงใจใช้เล่ห์เพทุบายสร้างความเหลื่อมล้ำให้เกิดขึ้นในทุกมิติของสังคมไว้กดหัวประชาชนเพื่อง่ายต่อการครองอำนาจ แต่เวลานี้ประชาชนเขาเหลืออดและรู้เท่าทัน มองทะลุว่าทางออกของประเทศนี้ต้องมุ่งสู่การทำความเหลื่อมล้ำให้หดหายและทำความ”เป็นธรรม”ให้สว่างไสว

การทำเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมต้องเริ่มด้วยการขับนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจผู้นำแห่งความเหลื่อมล้ำออกจากตำแหน่งไปก่อน โควิดมิอาจหยุดศรัทธาประชาธิปไตย การชุมนุมใหญ่รูปแบบใหม่ๆของคณะราษฎรร่วมกับภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ เพื่อผลักดันให้นายกรัฐมนตรีลาออกจะเกิดขึ้นอีกในเร็ววันนี้ และต่อเนื่องจนกว่าจะบรรลุข้อเรียกร้อง

“แล้วเมื่อนั้นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ทางการเมืองก็จะตามมา เปิดโอกาสทองพรรคการเมืองไม่ว่าเก่าและใหม่ที่เกิดขึ้น ใครสามารถแสดงทีเด็ดว่าทำเรื่องความเป็นธรรมได้เป็นจริงอย่างรวดเร็ว ศรัทธาประชาชนก็จะไหลมาที่พรรคนั้น การอาสามาเป็นผู้แทนราษฎรก็จะบรรลุผล” พล.ท.ภราดร กล่าว