กกต. สั่งถอดชื่อ 6 ผู้สมัครสมาชิกสภา อบจ. หลังพบพัวพันคดี

เมื่อวานนี้ (5 ธันวาคม 2563) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ. เพิ่มเติมอีก 17 ราย) โดยแบ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการประกาศชื่อในบัญชีรายชื่อผู้รับสมัครเลือกตั้ง และได้ยื่นคัดค้านการไม่ประกาศรายชื่อต่อ กกต. ซึ่ง กกต.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีคุณสมบัติและไม่มีลักษระต้องห้าม

พร้อมทั้งมีคำสั่งให้รับสมัครและประกาศรายชื่อเป็นผู้รับสมัคร รวม 8 ราย ประกอบด้วย นายธนวรรธน์ วรัณวงศ์เจริญ ผู้สมัครรส.อบจ.สมุทรปราการ เขต 3, นายธรรมนูญ เกษตรธรรม ผู้สมัคร ส.อบจ.ลำปาง เขต 1, นายปดิธร แสงคุณ ผู้สมัคร ส.อบจ.แม่ฮ่องสอน เขต 2, นายณัฐศักดิ์ สัตยะวงษ์ ผู้สมัคร ส.อบจ.หนองบัวลำภู เขต 1, นายสุนทร รัตนากร ผู้สมัครนายกอบจ.กำแพงเพชร, นายสุลัยหมาน หวังสป ผู้สมัคร ส.อบจ.กระบี่ เขต 3, นายสังคม ธนูชาญ ผู้สมัคร ส.อบจ.ยโสธร เขต 1, พ.อ.ประเสริฐ ทองยศ ผู้สมัคร ส.อบจ.อุบลราชธานี เขต 1

ส่วนกรณีมีการร้องคัดค้านการรับสมัครนายกอบจ. และส.อบจ. ซึ่งกกต.ได้มีคำสั่งยกคำร้องซึ่งส่งผลให้ผู้ที่ถูกร้องยังคงเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวม 3 ราย โดยประกอบด้วย นายชุมพล กาญจนะ ผู้สมัครนายกอบจ.สุราษฏร์ธานี, นายสุพล ณวิชัย ผู้สมัคร ส.อบจ.เชียงใหม่ เขต 2, นายสุรศักดิ์ สุนิพัฒน์ ผู้สมัคร ส.อบจ.ยโสธร เขต 2

นอกจากนี้ กกต.ยังมีการพิจารณากรณีความปรากฏต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำอบจ. ซึ่งกกต.ได้มีคำสั่งให้ถอนชื่อออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัคร รวม 6 ราย ประกอบด้วย 1.นายอิทธิพล ศรีสองสม ผู้สมัคร ส.อบจ.เชียงราย เนื่องจากข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า นายอิทธิพล เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกง เป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา จึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

2.นายพัฒนพงศ์ ราชป้องขันธ์ ผู้สมัคร ส.อบจ.บึงกาฬ เนื่องจากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายพัฒนพงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยดำเนินงานของ นายเชิดพงศ์ ราชป้องขันธ์ ส.ส.บึงกาฬ จึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามตามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งกรณีดังกล่าว แม้นายพัฒนพงศ์จะมีการขอถอนการสมัคร และแจ้งว่าไม่ได้ทำกิจกรรมหาเสียงใด ๆ แต่เจ้าหน้าที่ กกต.บึงกาฬ แจ้งว่าไม่สามารถถอนการรับสมัครเลือกตั้งได้, 3.นายวรรธนะ สงวนธรรม ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ เนื่องจากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายวรรธนะ เป็นจำเลยในคดีเกี่ยวกับการพนัน

โดยศาลจังหวัดนางรองมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนันฯ แม้นายวรรธนะ อ้างว่าไม่ได้เป็นเจ้ามือตามคำพิพากษา และได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 นั้น แต่ตามสำนวนคำพิพากษาพบว่า นายวรรธนะสารภาพว่าเป็นเจ้ามือ อีกทั้งตาม พ.ร.บ.ล้างมลทินฯ มีผลเพียงให้ถือว่าผู้ต้องโทษมิเคยถูกลงโทษตามคำพิพากษาแต่ไม่มีผลเป็นการลบล้างคำพิพากษา นายวรรธนะจึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

4.นายเสกสรร นิรันดร์ปกรณ์ ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ เนื่องจากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายเสกสรร เป็นจำเลยในคดีที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การพนันฯ โดยศาลจังหวัดนางรองมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนันฯ แม้นายเสกสรรอ้างว่า เคยต้องคำพิพากษาดังกล่าวในฐานะเจ้ามือการพนัน แต่ได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ.ล้างมลทินฯ อย่างไรก็ดี ตามพ.ร.บ.ล้างมลทินฯ มีผลเพียงให้ถือว่าผู้ต้องโทษมิเคยถูกลงโทษตามคำพิพากษาแต่ไม่มีผลเป็นการลบล้างคำพิพากษา นายเสกสรรจึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง,

5.นายนพดล รุ่งสว่าง ผู้สมัคร ส.อบจ.สระบุรี เนื่องจากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่านายนพดล ได้รับโทษจำคุกและพ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง และมิใช่ความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ จึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และ 6.นายภวัต เวสภักตร์ ผู้สมัคร ส.อบจ.อุทัยธานี เนื่องจากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายภวัต เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำผิดเกี่ยวกับการทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา เป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง