ฝีมือใครม็อบเจ็บอีก ทั้ง ‘บอมบ์-ยิง’ หลังยุติชุมนุมที่หน้า ‘เอสซีบี’ รอตร.เคลียร์เป็นฝีมือใคร

ฝีมือใครม็อบเจ็บอีก ทั้ง ‘บอมบ์-ยิง’ หลังยุติชุมนุมที่หน้า ‘เอสซีบี’ รอตร.เคลียร์เป็นฝีมือใคร

วันที่ 26 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเคลียร์ให้กระจ่างเหตุร้ายในการผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรที่หน้าสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ (เอสซีบี ปาร์ค) ถนนรัชดาภิเษก ที่มีการปาระเบิดและยิงใส่ผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายนั้่นเป็นฝีมือของใคร

ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 22.15 น.วันที่ 24 พฤศจิกายน หลังแกนนำประกาศยุติการชุมนุม ขณะที่ผู้ชุมนุมทยอยเดินทางกลับ ปรากฏว่ามีเสียงระเบิดบริเวณหน้าร้านแม็คโดนัลด์ ฝั่งเมเจอร์ รัชโยธิน ตรงข้ามเอสซีบีปาร์ค และมีเสียงคนตะโกนวิ่งไล่กัน จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 4-5 นัด โดยผู้บาดเจ็บ 1 รายเป็นชายถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดบริเวณหน้าท้องล้มลงใต้ต้นไม้ใกล้กับใต้สะพานลอยฝั่งเมเจอร์ฯ

ขณะที่ ผู้ก่อเหตุกลุ่มหนึ่งพยายามวิ่งหนี แต่ถูกการ์ดผู้ชุมนุมตามจับได้ 1 คน เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 3-4 ราย ซึ่งเป็นการ์ดผู้ชุมนุม 1 คนถูกยิงที่ท้อง คนก่อเหตุที่ถูกการ์ดจับได้ และผู้ชุมนุมส่วนหนึ่ง จากนั้นรถพยาบาลเข้ามานำตัวส่งรพ.

การ์ดผู้ชุมนุมรายหนึ่ง กล่าวว่า หลังผู้ชุมนุมทยอยกลับ มีชายนิรนามรูปร่างอ้วน ใส่กางเกงยีนต์ ปาระเบิดปิงปองใส่กลุ่มผู้ชุมนุม และมีการยิงปืน 3-4 นัด ใส่กลุ่มการ์ดอาชีวะ จากนั้นวิ่งหลบหนีไป

การ์ดอีกราย เผยว่า หลังยุติการชุมนุม มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 7-8 คนเดินมาทางกลุ่มการ์ดที่กำลังประชุมกัน จากนั้นมีชายคนหนึ่งขว้างระเบิดใส่กลุ่มการ์ด ทำให้มีการ์ดบางส่วนบาดเจ็บ แต่มีน้องการ์ดคนหนึ่งที่อยู่อีกฝั่งเห็นเหตุการณจะวิ่งเข้ามาดู เมื่อคนก่อเหตุเห็นจึงยิงปืนใส่ ทำให้น้องการ์ดคนดังกล่าวถูกยิงที่ท้อง จากนั้นกลุ่มการ์ดิวิ่งไล่จับคนก่อเหตุไว้ได้จำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ เพจเดอะสแตนดาร์ด ซึ่งไลฟ์สตรีมมิ่งการชุมนุมจับภาพคนก่อเหตุไว้ได้ เป็นชายวัยรุ่นใส่เสื้อแจ๊คเก็ตสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีครีม และรองเท้าสีขาว ปาวัตถุต้องสงสัยใส่กลุ่มการ์ดจากนั้นวิ่งหลบหนีไปกับเพื่อนๆ

หัวหน้าการ์ดคนหนึ่ง เผยว่า คาดว่าระเบิดที่คนใส่ขว้างใส่น่าจะเป็นไปป์บอมบ์ เพราะมีท่อพีวีซีตกอยู่ และพบปลอดกระสุนจำนวนหนึ่ง โดยทางการ์ดนำล้อยางมาครอบไว้เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเกิดเหตุชุลมุน ผู้ชุมนุมบางส่วนต้องหมอบกับพื้นที่ บางส่วนหลบอยู่ใต้สะพานลอย ขณะที่บางส่วนเดินอ้อมด้านหลังอาคารที่ติดกับ 4 แยกรัชโยธิน โดยมี น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ แกนนำ พร้อมกลุ่มการ์ดเดินเท้ามากับกลุ่มนี้ด้วย ทั้งนี้ ในช่วงเวลาก่อนเคลื่อนย้ายบุคคลหลบเข้าด้านหลังอาคาร มีตำรวจยืนแถวหน้าทางเข้า-ออกธนาคารไทยพาณิชย์ ทำให้ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งตะโกนต่อว่าอย่างรุนแรงว่ามีเหตุการณ์รุนแรงขนาดนี้ ทำไมไม่ช่วยเหลือประชาชน กลับยืนเฉย ประชาชนหมอบหนีตายอยู่กับพื้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้นผู้ชุมนุมจำนวนมากมาร่วมชุมนุมที่บริเวฯหน้าเอสซีบี ปาร์ค โดยมีแกนนำมาขึ้นเวทีปราศรัย อาทิ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร แต่งกายด้วยชุดและหมวกเป็ดสีเหลือง

นอกจากนี้ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ มาร่วมชุมนุมและกล่าวปราศรัยโจมตีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีแกนนำในข้อหาผิดมาตรา 112 พร้อมเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) แจ้งว่าพนักงานสอบสวนของพื้นที่ต่างๆ แจ้งข้อหา 12 แกนนำกลุ่มราษฎร ในฐานความผิดมาตรา 112 ประกอบด้วย 1.นายพริษฐ ชิวารักษ์ หรือเพนกวินมี 8 คดี ที่ สภ.ขอนแก่น ที่สภ.พระนครศรีอยุธยา ที่สภ.เมืองอุบลราชธานี ที่สภ.เมืองร้อยเอ็ด ที่สภ.เมืองนนทบุรี ที่ สน.ชนะสงคราม และ ที่ บก.ปอท. 2.น.ส.ปพัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง มี 6 คดี ที่ สภ.คลองหลวง ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา ที่ สภ.เมืองนนทบุรี ที่ สน.ชนะสงคราม ที่ สน.บางโพ แลที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ

3.นายภาณุพงค์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง มี 4 คดี ที่ สภ.คลองหลวง ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา ที่ สภ.เมืองนนทบุรี และที่ สน.ชนะสงคราม 4.นายอานนท์ นำภา มี 4 คดี ที่ สน.ชนะสมคราม ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ที่ สภ.คลองหลวง และที่ บก.ปอท. 5.น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ มี 3 คดี ที่ สน.บางโพ ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ และที่ สน.ยานนาวา

6.นายชนินทร์ วงษ์ศรี มี 2 คดี มีที่ สน.บางโพ และที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ 7.น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ มี 1 คดี ที่ สน.บางโพ 8.นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ มี 1 คดี ที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี 9.นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี มี 1 คดี ที่ สน.บางโพ 10.นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่มี 1 คดี ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ 11.นายชูเกียรติ แสงวงศ์ มี 1 คดี ที่ สน.ท่าพระ และ 12.นายสมบัติ ทองย้อย มี 1 คดีที่ สน. ทุ่งมหาเมฆ

รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนแต่ละที่ได้ขออนุมัติหมายจับแกนนำบางคนจากศาล แต่ศาลไม่อนุมัติหมายจับ โดยให้เหตุว่าผู้ต้องหาเป็นบุคคลสาธารณะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงให้ออกหมายเรียกแทน ขณะเดียวกันมีรายงานว่า พนักงานสอบสวนแต่ละพื้นที่กำลังจะแจ้งข้อหาฐานความผิดตามมาตรา 112 กับแกนนำอีก 3-5 ราย