‘ณัฏฐพล’ ยันไม่ละเลยแก้ปัญหาทรงผมน.ร. แต่ต้องดูเรื่องสำคัญที่ต้องพัฒนาก่อน

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยความคืบหน้าในการแก้ไขระเบียบ ศธ. ว่าการไว้ทรงผมของนักเรียน ว่า ตนได้แก้ไขปัญหาเรื่องระเบียบทรงผมในวันที่นักเรียนเข้ามาเรียกร้องเรื่องนี้ทันที คือการยกเลิกระเบียบข้อที่ 7 ของระเบียบ ศธ. ว่าการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ทันที และไม่ได้ให้อำนาจกับโรงเรียนในการตัดสินใจเรื่องทรงผม คือต้องทำตามระเบียบ ที่ ศธ. กำหนดเท่านั้น หลังจากตนได้ตั้งธานคณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนของนักเรียน นักศึกษา ขึ้นมาพิจารณาข้อเรียกร้องของนักเรียน ซึ่งทางคณะกรรมการฯ ได้เสนอร่าง ระเบียบ ศธ. ว่าการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนำข้อเสนอมาปรึกษากับฝ่ายปฏิบัติ โดยเฉพาะโรงเรียนและครูจะสามารถปฏิบัติได้จริงหรือไม่ มีปัญหาและมีข้อกังวลอะไรบ้าง ฉะนั้นในกระบวนการแก้ไขเรื่องทรงผม การแต่งกายของนักเรียน ตนได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง และ ศธ.ไม่ได้ละเลยการแก้ไขปัญหาในทุกเรื่องที่นักเรียนร้องเรียนมา

“เรื่องที่สำคัญที่สุดในข้อเรียกร้องของนักเรียน คือ หลักสูตรการศึกษา การพัฒนาการศึกษา และอนาคตของการศึกษาไทย ผมอยากให้นักเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้อง เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ การศึกษาจะพัฒนาให้ดีไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องทรงผมและเครื่องแต่งกาย เพราะเรื่องหลักๆคือ หลักสูตรและการพัฒนาการศึกษา ซึ่ง ศธ.ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น และเราไม่ได้ละเลยในเรื่องที่นักเรียนสะท้อนปัญหาการศึกษาไทย เพียงแต่ต้องดูด้วยว่า เรื่องไหนเป็นเรื่องหลัก และเรื่องไหนต้องได้รับการพัฒนาการศึกษาอย่างจริงจังและเข้มข้น”นายณัฏฐพล กล่าว

นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน ขณะนี้ ศธ.เปิดช่องทางให้นักเรียน ร้องเรียนหลายช่องทาง ตนได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้ในสถานศึกษา และศธ.มีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาการศึกษา แต่ตนไม่อยากให้นำเรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมืองและบอกว่า ศธ.ไม่ให้ความสนใจเรื่องนี้ ซึ่งไม่เป็นความจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้โลกออนไลน์กำลังวิพากษ์วิจารณ์ #ทรงผมบังเพื่อน พร้อมกับบอกว่าถ้าผู้บริหาร ศธ.มีแนวคิดเช่นนี้ กฏระเบียบของ ศธ.จะทันสมัยได้อย่างไร นายณัฏฐพล กล่าวว่า ตนคิดว่าผู้ที่ให้ข้อมูลพยายามอธิบายด้วยการยกตัวอย่าง และพยายามสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ง่าย ซึ่งไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เป็นเรื่องตลก แต่พยายามยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายเท่านั้น