ลุ้นราคาถุงมือยางพุ่งต่อ ส้มหล่น “ศรีตรัง” หลัง “ท้อปโกลฟ” ปิด 28 โรงงาน

ส้มหล่น “ศรีตรัง” หลัง “ท้อปโกลฟ” ผู้ผลิตถุงมือยางเบอร์ 1 โลก อ่วมโควิด ปิดโรงงานด่วน 28 แห่ง หลังพบพนักงานป่วยวันเดียวทะลุพันคน คาดผู้นำเข้าหันหาไทยดันราคาถุงมือยางพุ่ง

แหล่งข่าวจากกลุ่มศรีตรังโกลฟส์ เปิดเผยว่า กรณีเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2563 สเตรตส์ไทมส์ รายงานว่านายอิสมาอิล ซาบรี ยาค็อบ รัฐมนตรีอาวุโสความมั่นคงของมาเลเซีย แถลงปิดการผลิตชั่วคราวของโรงงานผลิตถุงมือยาง ท้อปโกลฟ โรงงานผลิตถุงมือยางขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จำนวน 28 แห่งในเมืองกลัง รัฐสลังงอร์ หลังพบว่าคนงานอย่างน้อย 1,067 คน มีผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นบวก ซึ่งตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข มีข้อตกลงว่า จะดำเนินการปิดโรงงานดังกล่าวชั่วคราว เพื่อเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัวคนงานของโรงงาน

“จากประเด็นดังกล่าวที่ให้โรงงานถุงมือศรีตรังเพิ่มความระมัดระวังในกระบวนการผลิตอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่เกิดปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19”

อีกด้านหนึ่งมีแนวโน้ม ด้วยจำนวนผู้ผลิตถุงมือยางที่ลดลงจะทำให้ระดับราคาถุงมือยางปรับขึ้นแน่นอน และคำสั่งซื้อจากผู้นำเข้าทั่วโลกที่สั่งซื้อจากท้อปโกลฟจะต้องเบนมาหาผู้ผลิตรายอื่น ๆ ของโลก รวมถึงศรีตรังด้วย แต่จะมาลักษณะเร่งด่วน คาดว่าจะได้ 5-10% ของปริมาณในแต่ละเดือน

เหตุที่รับออร์เดอร์เพิ่มได้ไม่มาก เพราะขณะนี้มีคำสั่งซื้อสำหรับปี 2563 เต็มกำลังการผลิต 28,00-29,000 ล้านชิ้น และมีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 3 ปีหน้าแล้ว ซึ่งในปีหน้าโรงงานใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 4 แห่งจะทยอยสร้างเสร็จไตรมาสละ 1 โรงงาน ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายในปี 2564 ขยายตัว 12% แต่เรามองในแง่ภาพรวมที่ระดับราคาถุงมือยางจะปรับขึ้นแน่นอน

“ตอนนี้เริ่มมีออร์เดอร์ด่วนเข้ามา แต่ไม่ได้ถามว่าเป็นออร์เดอร์ที่ย้ายมาจากทางท้อปโกลฟหรือไม่ ปัจจุบันท้อปโกลฟเป็นเบอร์ 1 ของโลก มีการผลิตถุงมือยางจำนวนมากกำลังการผลิตประมาณ 90 ล้านชิ้น โดยแบ่งเป็นไนไตรต์ 53% รองลงมา คือ ถุงมือยางไร้แป้ง (Latex Powder Free) 19% ถุงมือยางธรรมชาติแบบมีแป้ง (Latex Podered) 17% ถุงมือยางทางการแพทย์ (Surgical) 8% และอื่นๆ อีก 2%”