‘เอ๋ ปารีณา’ ขึ้นโรงพักกลางดึก แจ้งความเอาผิดหญิงชูป้ายโดนทำอนาจาร ชี้ หากครูผิดจริง สมควรติดคุก

‘เอ๋ ปารีณา’ ขึ้นโรงพักกลางดึก แจ้งความเอาผิดหญิงชูป้ายโดนทำอนาจาร ชี้ หากครูผิดจริง สมควรติดคุก

สืบเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มนักเรียนเลว “บ๊ายบายไดโนเสาร์” ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS สยาม เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีภาพนักเรียนหญิงคนหนึ่งมาชุมนุมเรียกร้องเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา พร้อมเปิดเผยว่า ตนเคยตกเป็นเหยื่อคุกคามทางเพศในโรงเรียน และถือป้ายข้อความ “หนูถูกครูทำอนาจาร ถ้า ร.ร.ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย” กระทั่งเป็นกระแสข่าวแพร่กระจายไปเป็นวงกว้าง ซึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งออกมาแสดงความคิดเห็นโจมตีหญิงคนดังกล่าวว่าสมยอม รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตัวว่าเป็นสาเหตุทำให้ถูกทำอนาจาร จนมีผู้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ความคิดเห็นเหล่านี้ว่า ไม่มีความเป็นมนุษย์ ต่อมา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 พฤศจิกายน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่าจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับหญิงรายดังกล่าวนั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 00.51 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน น.ส.ปารีณา เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ปารีณา ไกรคุปต์ กรณีเข้าแจ้งความดำเนินคดีหญิงรายดังกล่าว ว่า เลิกงานแล้วมาแจ้งความค่ะ มากล่าวโทษเพื่อดำนเนินคดีน้องหมวย 1.ตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 ในมาตรา 7 คือผู้ใดแต่งเครื่องแบบนักเรียนโดยไม่มีสิทธิที่จะแต่งหรือแต่งกายเลียนแบบเครื่องแบบนักเรียน ถ้าได้กระทำเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นนักเรียน
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. น้องหมวยได้แต่งกายเลียนแบบเครื่องแบบนักเรียน และได้กระทำเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นนักเรียน ที่ถูกครูทำอนาจารภายในโรงเรียน ต่อหน้าสื่อต่างชาติ ในที่สาธารณะ จนทำให้สถาบันครูและสถาบันโรงเรียนไทย เสียหาย ไปทั่วโลก

น.ส.ปารีณากล่าวว่า 2.มาแจ้งเพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินคดี หากพบว่าครูได้ทำอนาจารกับน้องหมวยจริง เนื่องจากเรื่องดังกล่าวยังไม่หมดอายุความ หลายครั้งที่นักเรียนถูกครูล่วงละเมิศทางเพศ แต่ก็อีกหลายครั้งที่ครูถูกนักเรียนสร้างเรื่องใส่ร้าย เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก และครูไม่ได้เลวทุกคน จึงขอความเป็นธรรมให้กับครู โรงเรียน และน้องหมวย

“ถึงแม้จะไม่มีมีร่องรอยในการทำอนาจาร แต่ก็จะต้องมีผู้พบเห็นเป็นพยานบ้าง มีคนรับรู้บ้าง เช่น ควรมีการสอบครูทั้งโรงเรียน สอบเพื่อนนักเรียนในอดีตและปัจจุบัน สอบหมอที่น้องอ้างว่าไปรักษาความป่วยที่โรงพยาบาล หากมีข้อเท็จจริง จะต้องปรากฏพยานบ้าง สุดท้ายหากพบว่าครูได้ทำผิดจริง สมควรติดคุกและออกจากครูไป แต่หากสุดท้ายกลายเป็นเรื่องราวของเด็กเลี้ยงแกะ เป็นเรื่องราวของนางแบบคอสเพลย์ที่ถูกจ้างมาให้วันหนึงใส่ชุดชั้นเดินในม๊อบ และอีกวันให้ใส่ชุดนักเรียนแสร้งเป็นนักเรียนร้องให้ต่อหน้าสื่อต่างชาติ ทำลายชื่อเสียงประเทศ สังคมควรได้รู้ และถูกลงโทษตามกฎหมาย ครูและโรงเรียนควรดำเนินคดีกลับ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง สุดท้าย ไม่ว่าภาพของน้องหมวยจะย้อนแย้งว่าน้องถูกทำอนาจาร หรือน้องชอบทำอนาจาร สังคมจะมาตั้งคำถามสักแค่ไหน ขอวอนทุกท่านอย่าเพิ่งตัดสินครู โรงเรียน และน้องหมวย ให้รอเจ้าหน้าที่ทำงาน” น.ส.ปารีณากล่าว