จับ ‘เค’ บิ๊กล็อต 11.5 ตันบานปลาย แจ้งจับกันนัว-‘สมศักดิ์’ แถลงวันนี้

จับ ‘เค’ บิ๊กล็อต 11.5 ตันบานปลาย แจ้งจับกันนัว-‘สมศักดิ์’ แถลงวันนี้

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส.แจ้งความร้องทุกข์ ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) กับ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.ให้ดำเนินคดีผู้ร่วมขบวนการส่งออกเคตามีนไปยังประเทศไต้หวันน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม หลังยึดได้ที่โกดังใน จ.ฉะเชิงเทรา กว่า 11.5 ตัน มูลค่านับ 20,000 ล้านบาท แต่กลับพบว่าเป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟตที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ

นายวิชัยกล่าวว่า นำเอกสารที่ได้รับจากประเทศไต้หวันจับกุมเคตามีนไว้ได้ 300 กิโลกรัม มาแจ้งความเอาผิดกับผู้ร่วมขบวนการลอบส่งเคตามีนไปยังประเทศไต้หวัน บุคคลรายนี้อยู่ในประเทศไทย เช่าโกดังเพื่อเก็บเฟอร์นิเจอร์ แต่เมื่อตรวจค้นพบเป็นที่เก็บสารเคมี สารเคมีทั้ง 2 ชนิดมีลักษณะภายนอกเหมือนกัน เบื้องต้นตอนตรวจค้นที่โกดังพบของกลาง 66 กระสอบถูกเปิดอยู่ ที่เหลือ 406 กระสอบยังเย็บปากถุงปิดไว้ พอตรวจสอบด้วยน้ำยาเคมีกับกระสอบที่เปิดไว้แสดงผลออกมาเป็นสีม่วง จึงเชื่อว่าเป็นเคตามีนตามที่ไต้หวันจับกุมได้จากต้นทาง จากนั้นก็ร่วมกับ บช.ปส.นำของกลางไปเก็บไว้ที่ ป.ป.ส.ภาค 1 โดยเช่ารถบรรทุกขนของกลางไว้ 2 คัน และมีขบวนรถจากหลายหน่วยงานคอยคุ้มกันและแวะเติมน้ำมันที่เดียว ยืนยันไม่มีการสับเปลี่ยนของกลาง

นายวิชัยกล่าวว่า ต่อมาเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าสารเคมีดังกล่าวคือไตรโซเดียมฟอสเฟต ไม่เคยพบมาก่อนว่าสารตัวนี้จะแสดงผลเป็นสีม่วง วันที่ 24 พฤศจิกายน เวลา 09.30 น.นักวิทยาศาสตร์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และผู้เชี่ยวชาญของ ป.ป.ส.จะตรวจพิสูจน์สารเคมีจากของกลางทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่ ป.ป.ส.ภาค 1 แต่ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 วัน จึงจะทราบว่าของกลางที่เหลือเป็นยาเสพติดหรือไม่

นายวิชัยกล่าวชี้แจงว่า สาเหตุที่การตรวจสอบล่าช้านั้น แต่แรกที่ไต้หวันจับกุมตรวจยึดของกลางวันที่ 23 ตุลาคม ก่อนส่งเอกสารให้ไทยลงวันที่ 29 ตุลาคม 2563 และ ป.ป.ส.รับเรื่องวันที่ 2 พฤศจิกายน จึงจะสืบสวนหาข้อมูลถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน แล้วเข้าตรวจค้นโกดัง พร้อมทำบันทึกการเข้าตรวจค้น ซึ่งผลการทดสอบสารเคมีที่พบเบื้องต้นพบเป็นเคตามีน จึงบันทึกเป็นสารคล้ายเคตามีนทุกรายการ โดยมีพยานนำตรวจค้นและตำรวจท้องที่สอบปากคำเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ พฐ.เก็บหลักฐานเป็นที่เย็บปิดปากถุง พร้อมประสานประเทศต้นทางเก็บหลักฐานใบส่งสินค้าและอื่นๆ ซึ่งจะนำมามอบให้ บช.ปส.ภายหลัง

ต่อมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบ ร.ต.อ.รัชพล เทียมสะคู รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. หลังร่วมกันแถลงข่าวอันเป็นเท็จก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ในการจับเคตามีนที่โกดังจังหวัดฉะเชิงเทรา 11.5 ตัน มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท

นายอัจฉริยะกล่าวว่า มาแจ้งความดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ และนายวิชัย ความผิดตามมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต พร้อมนำหลักฐานเป็นคลิป และข้อมูลจากการแถลงข่าวการจับกุมเคตามีน 11.5 ตัน ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และข้อมูลที่ ป.ป.ส.นำสื่อมวลชนว่าตรวจสอบของกลางที่ยึดได้จากโกดังโดยสุ่มตัวอย่าง 66 กระสอบ พบว่าเป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต ไม่ใช่เคตามีน มามอบให้พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ตนมองว่าเป็นการกระทำที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ นอกจากนี้ยังพบความผิดปกติในการเก็บของกลาง ปกติจะต้องมีลายเซ็นกำกับไว้ในของกลาง เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้าย แต่ครั้งนี้กลับพบว่ามีการเก็บของกลางอย่างไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งยังพบความผิดปกติอีกเรื่องคือการที่มีชาวม้ง ได้ขนยาเสพติดมาเก็บไว้ที่ท่าเทียบเรือ ก่อนส่งออกไปยังต่างประเทศแล้วมีการจับกุม แต่ก็ยังไม่มีการแจ้งข้อหา มีเพียงแค่การขยายผลเข้าไปตรวจค้น ก่อนจะแถลงข่าวดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมหลักฐานเตรียมดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะ และลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจติดตามการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จทางคอมพิเตอร์ ภายหลังมีกลุ่มบุคคลใช้โซเชียลมีเดียปลุกปั่นเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ กรณีการตรวจสอบสารเสพติดของ ปปส. โดยวันที่ 24 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. จะมีการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการชุดดังกล่าว มีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจ ปอท.ฯลฯ เพื่อตรวจสอบการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จของกลุ่มที่ทำการปลุกปั่นผ่านโลกโซเชียลและทวิตเตอร์ และนายสมศักดิ์จะเปิดแถลงข่าววันที่ 24 พ.ย.นี้