ขอบคุณข้อมูลจาก | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
วันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่แยกราชประสงค์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ กลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “นักเรียนเลว” ร่วมกับกลุ่ม “ม็อบเฟสต์” และภาคีนักเรียนทั่วประเทศ จัดกิจกรรม #บ๊ายบายไดโนเสาร์ โดยระบุว่า ถ้าสภาผู้แทนราษฎร รับบทไดโนเสาร์ ไม่รับ ไม่รู้ ไม่เปลี่ยนแปลง นักเรียนอย่างเราก็จะเป็นอุกกาบาต พุ่งชนความล้าหลังของผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เมื่อเรียกร้องเรื่องการศึกษาแล้วไดโนเสาร์ไม่รับฟัง ก็จะพูดทุกเรื่องที่ไดโนเสาร์ไม่อยากฟัง
โดยมีกลุ่มต่างๆ เข้าร่วมจำนวน 42 กลุ่ม อาทิ บอดินไม่อินเผด็จการ, บดินทร์นนท์จะไม่ทนเผด็จการ เกียมพัฒนาประชาธิปไตย, เด็กหญิงเฟม, เกี๊ยวอุดมเงยหน้าท้าเผด็จการ, สหพันธ์นักเรียนเพชรบูรณ์, กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก, Voice From Friend, Yoteen, กลุ่มกางกราฟ ฯลฯ ทั้งนี้ กลุ่มนักเรียนเลวและภาคี ได้ย้ายสถานที่จัดกิจกรรมมายังใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สยาม ก่อนจะเตรียมความพร้อมตั้งเวที และกางเต๊นท์ทำกิจกรรม ตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 – 16.20 น.
โดยในช่วงเวลา 20.58 น. สามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า กล่าวปราศรัย ในหัวข้อ อำนาจที่มองไม่เห็น โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่ง ดังนี้
เห็นการปราบปรามของรัฐมีอยู่ 2 แบบ ที่เกิดขึ้นได้ คือ แก๊สน้ำตาและศาสนา เมื่อคุณเข้าไปในวัดแล้วถูกพระเทศน์ให้ฟัง แต่สิ่งที่พระเทศน์นั้นถูกเสมอไปหรือไม่ เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา มีใครได้ไปที่รัฐสภาหรือไม่ แล้วที่คุณศุภชัยบอกว่า เป็นการเล่นสงกรานต์ อยากถามคุณศุภชัย อยากเล่นแก๊สน้ำตาหรือไม่ เวลาไปวัดไปขอหวยแล้วถูกไหม เสียใจด้วยที่หวยออก 99997 และไม่กล้าออกตัวท้าย 904
“มีพระสงฆ์จำนวนมากที่ยังไม่กล้าแสดงออก ขอเรียกร้องสิทธิ 3 ข้อ ได้แก่ 1.แยกศาสนาออกจากรัฐ ไม่สนับสนุนศาสนาใดศาสนาหนึ่ง อย่างเช่น ประเทศไทยศาสนาพุทธในประเทศไทย 2.หยุดใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือสร้างความแตกแยกของความแตกต่าง อย่างในสามชายแดนภาคใต้ ที่ชาวพุทธไปต่อว่า ชาวมุสลิมว่าเป็นพวกหัวรุนแรง และ 3.หยุดใช้ศาสนาเป็นโฆษณาช่วยเชื่อ
“ที่ใส่ชุดสีส้ม ไม่ได้สนับสนุนอนาคตใหม่หรือก้าวไกล สำนักพระพุทธศาสนามีข้อดีอยู่ 2 ข้อคือ พาพระไปเที่ยวอินเดีย และจัดทำหนังสือสวดมนต์จากภาษีของประชาชน คงจะมีข้อดีอีกอย่าง คือ การจับพระที่เห็นต่างสึก” สามเณรสหรัฐ กล่าว