“สุพิศาล” ซัดตร.หมดสิ้นเกียรติ! ตั้งคำถาม 4 เหตุปะทะแยกเกียกกาย ทำไมไร้จนท.ป้องกันเหตุ

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 พล.ต.ต สุพิศาล ภักดีนฤนาถ สส พรรคก้าวไกล ระบุ ในฐานะอดีตข้าราชการตำรวจ ผมรู้สึกผิดหวังกับการปฏิบัติหน้าที่กรณีเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวานเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณสี่แยกเกียกกาย ที่ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดนกระสุนปืนถึง 5 ราย เสียงปืน เสียงระเบิดซึ่งดังมาจากจุดของกลุ่มคนใส่เสื้อเหลืองที่อ้างว่าปกป้องสถาบันกษัตริย์นั้น เป็นสิ่งที่ป้องกันได้ ถ้าตำรวจเข้มงวด และจัดกำลังมาดูแลป้องกันตรงจุดที่อาจจะเกิดการปะทะกันตลอดเวลาอย่างจุดนี้

จากที่ได้ติดตามข่าว รวมถึงการที่พวกเรา ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ออกไปติดตามสถานการณ์การชุมนุม ซึ่งมีการสกัดกั้นผู้ชุมนุมคณะราษฎรไม่ให้เข้ามาใกล้อาคารรัฐสภา ทั้งทางฝั่งแยกเกียกกาย และแยกบางกระบือ โดยใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงผสมแก๊สน้ำตา และยิงแก๊สน้ำตาอยู่เป็นระยะ ซึ่งผมพอจะสรุปเหตุการณ์ และตั้งคำถามถึงความหละหลวมของตำรวจ โดยเฉพาะความรุนแรงที่เกิดขึ้นฝั่งแยกเกียกกาย ได้ดังนี้

1. มวลชนคณะราษฎร เคลื่อนมาจากแยกบางโพมุ่งหน้าอาคารรัฐสภา และต้องมาติดแนวกั้นซึ่งใช้รถเมล์ แบริเออร์ รั้วลวดหนาม และมีการฉีดน้ำแรงดันสูงที่ผสมแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุม ทั้งที่มีการขออนุญาติชุมนุมแล้ว ทั้งที่แจ้งเวลาเริ่มชุมนุมและเลิกชุมนุมอย่างชัดเจน เหตุใดจึงต้องใช้ความรุนแรง จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้ชุมนุมไทยภักดี ซึ่งใส่เสื้อเหลืองมาชุมนุมในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่กลับเปิดทางให้เดินผ่านแนวกั้นได้อย่างสะดวกดาย

2. มวลชนคณะราษฎร ทลายผ่านจุดสกัดของตำรวจตรงแยกเกียกกายได้ ขณะที่ทางฝั่งถนนทหารด้านหน้ากองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน มีกลุ่มคนเสื้อเหลืองราวร้อยกว่าคนรออยู่ เหตุใดตำรวจจึงถอยแบบถอยรูดหายไปเลย แล้วปล่อยให้ประชาชนที่กำลังจะผ่านแยกเกียกกาย ต้องปะทะกับคนเสื้อเหลืองที่รออยู่แล้ว สภาพตอนนั้นไม่ต่างกับการจงใจเปิดให้มวลชนสองฝ่ายกรูเข้าหากันใช่หรือไม่ การปะทะกัน ภาพความวุ่นวายอย่างนี้คือสิ่งที่ตำรวจจงใจให้เกิดขึ้นเพื่อเป็นชนวนให้มีการรัฐประหารหรือไม่

3. มวลชนคณะราษฎร ผ่านจุดสกัดแยกเกียกกายไปได้ และต้องไปเผชิญกับแนวกั้นของตำรวจอีก 2-3 แนวกว่าจะไปถึงบริเวณด้านหน้ารัฐสภา ขณะที่ตรงแยกเกียกกายฝั่งถนนทหารด้านหน้ากองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานนั้น ก็ยังมีคนเสื้อเหลืองปักหลักอยู่ โดยมีเพียงการ์ดอาสาของผู้ขุมนุมคณะราษฎรดูแลกันเอง คำถามคือ ระยะเวลากว่า 3-4 ชั่วโมง ตำรวจปล่อยให้การ์ดอาสาเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างนั้นได้อย่างไร เหตุใดไม่มีการจัดกำลังมาตั้งแนวป้องกันให้ ถ้าจะบอกว่ากำลังไม่พอ แล้วที่นั่งๆ นอนๆ อยู่ทางฝั่งท่าน้ำวัดแก้วฟ้าจุฬามณี ปิดทางเข้าออกจนคนในชุมชนเดือดร้อนนั้นคืออะไร และเพราะเหตุนี้ไม่แปลกที่จะเกิดเหตุระเบิดและการใช้อาวุธปืนในตอนกลางคืนตามมา

4. มวลชนคณะราษฎร พิสูจน์ให้สังคมเห็นมาหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า พวกเขาสามารถจัดการชุมนุมได้อย่างสงบ สันติ มีวุฒิภาวะ และหลีกเลี่ยงการปะทะ ดังนั้น เหตุการณ์เมื่อวานชัดเจนแล้วถ้าจะถามว่าใครผิด ใครก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้น และคำถามคือ ถึงตอนนี้ตำรวจได้ตัวผู้ก่อเหตุแล้วหรือยัง จะมีการแจ้งข้อหาและนำตัวผู้ใช้อาวุธมาดำเนินคดีได้หรือไม่ หรือจะปล่อยผ่านไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงเพราะว่าเป็นคนใส่เสื้อเหลือง.

ฝากทิ้งท้าย อย่าหาว่าสอนเลย เมื่อมีมวลชน มีกลุ่มคน ขอใช้พื้นที่ชุมนุม ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมฯ แล้ว ตำรวจจำเป็นที่จะต้องจัดการอำนวยความสะดวกที่เพียงพอในการป้องกันเหตุ การเคลื่อนไหวของกลุ่มชุมนุมทุกฝ่ายจะต้องมีการจัดกำลังและอุปกรณ์ที่ใช้ให้เพียงพอ มีผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่กล้าตัดสินใจในความรับผิดชอบ และใช้เครื่องมืออย่างระมัดระวัง และให้สมดุลย์กับทุกกลุ่มที่มาทั้งถูกกฎหมายและที่ผิดกฎหมาย ในส่วนใครทำผิดก็รวบรวมพยานหลักฐาน แต่ที่สำคัญที่สุดคือจะต้องป้องกันเหตุมิให้เกิดขึ้นอย่างเต็มที่เต็มกำลัง มิใช่ปล่อยให้เกิดการปะทะกันจนนองเลือดเช่นนี้

ผมฝาก 4 คำถาม ถึงตำรวจในฐานะอดีตข้าราชการตำรวจ เราคือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ถ้าไม่ดูแลราษฎร์และกลายมาเป็นคู่ขัดแย้งกับราษฎร์อย่างนี้เสียแล้ว สิ้นเกียรติของตำรวจ