อดีตพันธมิตรฯ ชี้ สังคมไทยยังวนเรื่องแก้รธน.ไม่จบสิ้น จนกว่าจะหมดยุคทหารเล่นการเมือง

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรฯ โพสต์ข้อความแสดงความเห็นกรณีการพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า

สว.กับการแก้ รธน. ตอนนี้ สว.เริ่มแสดงท่าทีเฉพาะตนในเรื่อง การรับหรือไม่รับร่างแก้ รธน.ซึ่งมีถึง 6 ฉบับ และ สว.หลายคนได้ชี้ประเด็นเฉพาะว่า จะไม่รับหรือรับร่าง รธน. แต่ละฉบับด้วยเหตุผลอะไร แต่ก็ตีกรอบให้เฉพาะ 2 ฉบับเด่นๆ คือร่างของรัฐบาล และร่างของไอลอว์ กับประเด็นแก้ทั้งฉบับ หรือรายมาตรา และเถึยงกันเรื่องต้องประชามติหรือไม่ จนต้องส่งศาล รธน.ตีความ นี่จะเรียกว่าถ่วงไว้ก็ได้ เพราะ สว.จำนวนมากคงไม่อยากให้มีการแก้ รธน.2560 เพราะตัวเองได้ประโยชน์เต็มๆ สว.ผู้เป็นศิลปินแห่งชาติ ดูจะถูกจับตามองเป็นพิเศษ ว่าจุดยืนนั้นยังคงเดิมหรือไม่

“วันนี้ใน line ส่วนตัวจึงได้ยืนยันจุดยืนเดิมอีกครั้งหนึ่ง ส่วน สว.ที่เคยทำงานมวลชนในระดับชุมชน ก็แสดงท่าทีที่วิพากษ์วิจารณ์คนหนุ่มสาว ว่าแสดงออกประหนึ่งเสพสื่อแบบเสพยาเสพติดและยังโยงใยไปถึงสถาบันกษัตริย์ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลก online ไปทั่ว โดยลืมไปว่าตนนั้นมีเงินเดือนและเบี้ยต่างๆระดับแสนขึ้น ทั้งยังมีคนรับใช้โดยตำแหน่งอีกร่วม 8 คน ในขณะที่ภาคประชาชน คนหนุ่มสาว ต้องสละแรงกายแรงทรัพย์ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง การเคลื่อนไหวทางการเมืองจึงมี 2 แบบ แบบหนึ่งได้เงินอุดหนุนจากรัฐในรูปเงินเดือนประจำ และมีบริษัทบริวารรับใช้ อีกแบบหนึ่งต้องช่วยตัวเอง โดย สว.บางคนก็พยายามหาหลักฐานเงินทุนอุดหนุนจากนายทุน หรือองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อมาลดความน่าเชื่อถือของมวลชน”

“ปมปัญหา ที่ สว.จะต้องนำพาการแก้ รธน.ไปสู่ความเป็น “ปชต.แบบประชาชนมีส่วนร่วม” เพื่อขจัดเผด็จการทหาร เผด็จการข้าราชการ เผด็จการทุน เผด็จการครู เผด็จการในกระบวนการยุติธรรม ออกไปให้หมดให้ได้ การจะได้ รธน.ที่เป็นประชาธิปไตย อยู่ที่องค์ประกอบของ สสร.ด้วย เพราะถ้าตกลงจะใช้รูปแบบ สสร.ก็ต้องมีที่มาที่ไปที่เหมาะกับยุคสมัย คือมีองค์ประกอบ หญิงชาย และคนรุ่นใหม่ใน สสร.ที่เหมาะสมด้วย สังคมการเมืองไทยวนเวียนเรื่อง รธน.มาตั้งแต่ 14 ต.ค.16 อย่างไม่จบไม่สิ้น จนกว่าหมดยุคทหารมาเล่นการเมือง ผ่านการยึดอำนาจ”