วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นักวิจัยได้ออกมาให้ความเห็นท่ามกลางความดีใจหลังมีการเปิดเผยผลการทดสอบวัคซีนที่ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเวชภัณฑ์อย่าง ไฟเซอร์ บริษัทจากฝั่งสหรัฐฯและไบออนเทค จากฝั่งเยอรมนี ร่วมกันพัฒนาให้ผลสามารถยับยั้งป้องกันโคโรน่าไวรัสได้ถึง 90% นั้น ยังคงมีอีกหลายคำถามที่ต้องค้นหาคำตอบกันต่อ

ดร.วิลเลี่ยม กรูเบอร์ รองประธานอาวุโสด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนเชิงคลินิคของไฟเซอร์ กล่าวว่า บริษัทได้เปลี่ยนแผนการศึกษาค้นคว้าหลังจากหารือกับหน่วยงานควบคุมดูแลด้านวัคซีนของสหรัฐฯและข้อสรุปข้อคือข้อมูลการทดสอบกับอาสาสมัครที่เข้าทดสอบจำนวน 94 คน

อย่างไรก็ตาม จอห์น มัวร์ ศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยาและภูมิต้านทานของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เวลล์ คอร์แนล กล่าวว่า ต้องเพิ่มตัวทดสอบและความเชื่อมั่นมากกว่านี้ เมื่อเราเพิ่มกำลังอีก 3 เท่า เราจะได้ผลที่แตกต่างระหว่างนั้นมาก ซึ่งมากพอที่จะใกล้เคียงความจริงที่สุด

เช่นเดียวกับนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคนที่ออกมาเตือนว่ายังคงมีคำถามอีกมาก เช่น วัคซีนสามารถยับยั้งอาการโรคขั้นรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อนได้หรือไม่ วัคซีนจะสามารถยับยั้งต้านการติดเชื้อได้นานเท่าไหร่และสามารถได้ผลกับผู้ป่วยสูงอายุหรือไม่

ขณะที่ ดร.เกรกอรี่ โปแลนด์ นักไวรัสวิทยาและนักวิจัยวัคซีนของมาโย คลินิกในโรเชสเตอร์ มลรัฐมิเนโซต้ากล่าวว่า “ สิ่งเหล่านี้เป็นกำลังใจอย่างมาก แต่นี่เป็นผลลัพธ์ที่เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ทั้งนี้ การศึกษาฉบับเต็มได้ถูกกำหนดให้แสดงผลว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพหลังจากมีผู้ป่วย 164 คน ไฟเซอร์กล่าวว่าอาจเกิดขึ้นในสัปดาห์แรกหรือสัปดาห์ที่สองของเดือนธันวาคมเมื่อคณะที่ปรึกษาภายนอกของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ตรวจสอบผลการศึกษาและตัดสินใจว่าจะแนะนำให้อนุญาตการใช้งานหรือไม่

นอกจากนี้ ดร.กรูเบอร์ กล่าวว่าเขายังไม่ได้ระบุจำนวนชัดว่า ในผู้ติดเชื้อ 94 คนนี้ มีคนผิวสีหรือเชื้อสายลาตินอเมริกาจำนวนเท่าไหร่ นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่ามีผู้สูงอายุกี่คนในการทดลองเกิดป่วย

“จนถึงขณะนี้ ในการวิเคราะห์เบื้องต้น ผู้ป่วยจำนวน 94 คน ยังไม่มีใครที่มีแสดงอาการของโควิด-19 ที่รุนแรง แต่ในขั้นต้น เอฟดีเอ ได้ขอให้ข้อมูลระหว่างช่วง รวมถึงกรณีที่รุนแรงอย่างน้อยห้ากรณี แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ผ่อนคลายข้อกำหนดดังกล่าวแล้ว” ดร.กรูเบอร์ กล่าว