กมธ.พาณิชย์ ชี้ซื้อขายถุงมือยางไม่เป็นธรรม อคส.เอาผิดอดีตรักษาการแทน ผอ. ฐานฟอกเงิน แนะควรอายัดเงินวางมัดจำ บ.คู่สัญญาคืน

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการและโฆษกคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ ผู้แทนราษฎร แถลงว่า คณะกรรมาธิการเรื่องการซื้อขายถุงมือยาง โดยที่ประชุมเห็นว่าอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการทำตามสัญญาไม่เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 6 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ.2498 ที่กำหนดให้องค์กรการคลังสินค้า (อคส.) เป็นองค์การที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการทำกิจการทั้งปวงเกี่ยวกับสินค้าเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากถุงมือยางเทียมเป็นสินค้าอุตสาหกรรมทางการแพทย์ ซึ่งอดีตรักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ผู้ลงนามในสัญญาโดยอ้างว่าได้ศึกษาจากสัญญาการซื้อขายข้าวขององค์กรการคลังสินค้าซึ่งได้เห็นชอบจากสำนักนิติการและสำนักอัยการสูงสุด โดยนำมาเปลี่ยนสาระบางส่วน เช่น จากการซื้อขายข้าวสาร เปลี่ยนมาเป็นการซื้อขายถุงมือยาง ซึ่งเป็นสัญญาที่ไม่เปลี่ยนสาระสำคัญจึงไม่ต้องเสนอขอความเห็นชอบใหม่ ที่ประชุมเห็นว่าไม่ควรนำมาใช้เปรียบเทียบกับการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง

นายอัครเดชกล่าวต่อว่า กมธ.เห็นว่า อคส.ควรไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษฟ้องคดีเพื่อดำเนินคดีการอดีตรักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าในความผิดฐานฟอกเงินและขอให้มีการคุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้เกิดการยึดอายัดเงินที่นำไปวางมัดจำกับบริษัทเอกชนคู่สัญญาคืนให้ อคส. ได้อย่างทันท่วงที และทางองค์การคลังสินค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรหามาตราในการติดตามเงิน 2 พันล้านบาทมาคืนเนื่องจากเป็นเงินภาษีของประชาชน นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะกรรมการองค์การคลังสินค้าควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบ เนื่องจากมีหน้าที่และอำนาจในการกำกับดูแลการดำเนินการขององค์การคลังสินค้า รวมทั้งตอบข้อสงสัยของสังคมในเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะการทำนิติกรรมดังกล่าวน่าจะเป็นความผิดทางอาญา เพราะ อคส.นำเงินหลวงไปจ่ายมัดจำกับบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดเนื่องจากทำให้เกิดความเสียหายกับรัฐและบริษัทคู่สัญญาก็ได้รับผลกระทบด้วย ทั้งนี้ กมธ.จะมีหนังสือเพื่อส่งข้อเสนอแนะและข้อสังเกตของกรรมาธิการ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป