วอยซ์ ออฟ อเมริกา รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ระบุผ่านจดหมายถึง แนนซี่ เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เปิดเผยโดยทำเนียบขาว ระบุว่า หลังการเจรจากับทางการไทยเป็นเวลากว่า 2 ปีในเรื่องเกี่ยวกับการเปิดตลาดไทยให้สินค้าสหรัฐ เรื่อยไปจนถึงสิทธิแรงงานที่มีไม่เพียงพอในไทย

“ผมพิจารณาแล้วพบว่า ไทยไม่ได้ให้ความมั่นใจกับสหรัฐว่า ไทยจะเปิดโอกาสให้สหรัฐเข้าถึงตลาดของไทยได้อย่างเท่าเทียมและสมเหตุสมผล” ทรัมป์ระบุ และว่า ด้วยเหตุนี้ ผมจึงพิจารณาแล้วว่าเป็นการเหมาะสมที่สหรัฐจะระงับ GSP สำหรับสินค้าของประเทศไทย โดยการตัดสิทธิจะเริ่มต้นในวันที่ 30 ธันวาคมเป็นต้นไป

สำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) ประกาศเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา ระบุถึงการตัดสิทธิ GSP สินค้าไทยมูลค่า 817 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 25,000 ล้านบาท เป็นผลมาจาก กระบวนการการเพื่อให้สหรัฐ เข้าถึงตลาดสินค้าเนื้อหมูอย่างยุติธรรมและสมเหตุสมผลไม่มีความก้าวหน้าเพียงพอ และเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลทรัมป์มีพันธกรณีในการสอดส่อง และบังคับใช้โครงการด้านการค้าเพื่อประโยชน์ของสหรัฐ

ทั้งนี้ GSP เป็นโครงการในช่วงปี 1970 ของสหรัฐ มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา โดยประเทศที่ได้รับสิทธิ์ GSP จะต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับนโยบายของประเทศที่ให้สิทธิด้วย เช่น ต้องมีกฎหมายที่รัดกุมในเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การให้สิทธิเสรีภาพในเรื่องต่างๆ การไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน การคุ้มครองแรงงาน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

สำหรับรายชื่อสินค้าไทยที่จะถูกตัดสิทธิ GSP ในวันที่ 30 ธันวาคมนี้มีหลากหลายรายการเช่นชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องครัว อะลูมิเนียม หอย มะม่วง อาหารอบแห้งรวมถึงสินค้าอิเลคทรอนิคบางชนิด โดยการประกาศตัดสิทธิ GSP ครั้งล่าสุดมีขึ้นหลังจากไทยถูกตัดสิทธิ์ GSP สินค้ามูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์หรือราว 40,000 ล้านบาทไปก่อนหน้านี้

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า วันนี้ นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จะแถลงข่าวกรณีสหรัฐจะระงับสิทธิพิเศษทางการค้าสำหรับสินค้าบางรายการของประเทศไทยภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ “GSP”