เผยแพร่ |
---|
พิธา ไม่ผิดคาดศาลรธน. ฟัน ‘ธัญญ์วาริน’ พ้น ส.ส. ขอสานต่ออุดมการณ์ผู้แทน ‘ชัยธวัช’ ตั้งคำถามความบิดเบี้ยวกม.
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 28 ตุลาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วย นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ที่ต้องพ้นสภาพความเป็นส.ส. ด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจากกรณีถือหุ้นสื่อเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส. ในนามพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้แถลงข่าวเพื่อแสดงท่าทีต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ของพรรค ก.ก.
นายพิธา กล่าวว่า แม้ว่าพรรค ก.ก. จะรู้สึกผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเกินคาดแต่อย่างใด เพราะในอดีตที่ผ่านมา ตั้งแต่กรณีนายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร อดีตพรรค อนค. และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรค อนค. ก็ถูกตัดสิทธิทางการเมือง เพราะเกี่ยวข้องกับการถือหุ้นสื่อ ส่วนตัวรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับ นายธัญญ์วาริน เพราะได้ต่อสู้ต่อทัศนคติลบในสังคมไทยเพื่อพิสูจน์ให้ประเทศไทยเห็นว่า เขาจะเป็น ส.ส. กระเทยคนแรกของประเทศไทย ที่ต่อสู้เรื่องสิทธิมนุษยชน LGBTQ วัฒนธรรมการเมือง วัฒนธรรมเศรษฐกิจ และประชาธิปไตยในโรงเรียน
นายพิธา กล่าวว่า เรื่องของการเมืองมีคนเคยบอกไว้ว่า การเดินทางสำคัญกว่าจุดหมายปลายทาง จึงเชื่อว่าตลอดที่ นายธัญญ์วาริน ได้อยู่บนเส้นทางของการเมืองนั้น เขาได้พิสูจน์หลายอย่างแม้จะพ้นจากสมาชิกภาพ ส.ส. แต่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ไม่ใช่แค่ในการเมืองไทยแต่ในสังคมไทยด้วยว่า ไม่ว่าใครที่ถูกกดทับมากน้อยเพียงใดถ้าต่อสู้ เพื่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อและมีอุดมการณ์ก็สามารถไปสู่ความฝันนั้นได้
โดยครั้งหนึ่งในระหว่างการชุมนุมเคยมีการพูดกันว่า นายธัญญ์วาริน จะเป็นนายกรัฐมนตรีกระเทยคนแรกของประเทศไทย เชื่อว่านั่น คือ ผลงานที่เป็นที่ประจักษ์และปฏิเสธไม่ได้ว่า เขามีส่วนทำให้สังคมไทยเปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ในหัวใจของพวกเรา นายธัญญ์วาริน จะยังเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรอยู่เสมอ และพวกเราที่เหลืออีก 53 คนจะต่อสู้และผลักดันกฎหมายและอภิปรายในสิ่งที่ นายธัญญ์วาริน ได้เริ่มไว้
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก. กล่าวว่า กรณีนี้นำไปสู่การตั้งคำถามว่า เจตนารมณ์ทางกฎหมายคืออะไรกันแน่ การต้องห้ามในการถือหุ้นสื่อนั้น ควรเป็นไปในลักษณะที่ป้องกันไม่ให้นักการเมืองใช้สื่อ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง แต่จะเห็นได้ว่ากรณีของนายธัญญ์วาริน เป็นลักษณะของการรับจ้างผลิตสื่อและการประสานงานด้านต่างๆ ไม่ใช่สื่อในความหมายที่จะเข้าไปมีผลแทรกแซงในทางการเมือง ตรงนี้เป็นอีกตัวอย่างว่า กฎหมายมีเจตนารมณ์อย่างไร พรรค ก.ก. อยากตั้งคำถามถึงความบิดเบี้ยวของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
ด้าน นายธัญญ์วาริน กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ต่อสู้เรื่องสิทธิความหลากหลายทางเพศ เพื่อสะท้อนให้สังคมเห็น และการที่ได้มาเป็น ส.ส. ก็เพื่อทำหน้าที่นี้ ต่อให้วันนี้ไม่ได้เป็น ส.ส. แล้ว แต่มั่นใจว่าสิ่งที่ได้ทำมาตลอด ก็จะยืนยันว่า สิ่งที่ทำมาได้ทำอย่างถูกต้อง ไม่ได้ยึดติดกับการเป็น ส.ส. แต่อย่างใด
“อยากบอกคนที่เชื่อในอุดมการณ์เดียวกันว่า ยังไม่ได้ไปไหน แต่จะยังเป็นผู้แทนราษฎรตลอดชีวิต” นายธัญญ์วาริน กล่าว