‘พปชร.’ ยกคำวินิจฉัยศาลเป็นมาตรฐาน ชี้ลักษณะต้องห้าม ม.98 (3) ต้องมีข้อเท็จจริงว่าทำสื่อจริง

‘พปชร.’ ยกคำวินิจฉัยศาลเป็นมาตรฐาน ชี้ลักษณะต้องห้าม ม.98 (3) ต้องมีข้อเท็จจริงว่าทำสื่อจริง ‘สิระ’ ซัดผู้ร้องควรดูข้อมูลให้ดี

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีหุ้นสื่อของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลอ่านคำวินิจฉัยว่า ศาลได้ดูเอกสารละเอียดมาก ทั้งหนังสือแสดงรายการประกอบธุรกิจ (สสช.1) แบบนำส่งงบการเงิน (สบช.3) และเอกสารที่เรานำเสนอทุกขั้นตอน ซึ่งก็ถือเป็นมาตรฐานว่าไม่มีการทำสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อมวลชนทั้งหมด แม้คนที่วิตกกังวลอย่าง น.ส.ภาดา วรกานนท์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ศาลก็ยืนยันว่าไม่มีการทำสื่อ ดังนั้น ศาลจึงยกคำร้องทั้งหมดทุกคน ทั้งนี้ ก็ต้องถือว่าเป็นมาตรฐาน เพราะศาลได้ดูเอกสารทางราชการเป็นหลัก ทั้งการเสียภาษี เอกสารจากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งศาลเอาประเด็นนี้เป็นหลักว่าคนที่จะมีคุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา 98 (3) นั้นจะต้องทำสื่อจริงๆ ไม่ใช่มีการร้องว่ามีการจดทะเบียนบริษัทว่าทำสิ่งพิมพ์ แต่ศาลหยิบยกประเด็นข้อเท็จจริงว่าต้องไม่มีการทำธุรกิจสื่อ

ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอบพระคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ความยุติธรรม ส่วนตนแค่ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างบ้านทรงไทย ไม่มีธุรกิจสื่อ จึงอยากให้ผู้ร้องดูข้อมูลดีๆ ว่าผู้ถูกร้องได้ประกอบธุรกิจสื่อหรือไม่ เพราะตนถือว่าเกิดความเสียหายและมีค่าใช้จ่ายในการทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนตั้งใจมาเป็นตัวแทนประชาชน ทำหน้าที่ผู้แทน ไม่มีเจตนาทำอะไรที่ไม่ดี