เผยแพร่ |
---|
พท.แนะ “บิ๊กตู่”เอาอย่าง “พันท้ายนรสิงห์”ด้าน “ส.ส.เสรีรวมไทย”อัด นายกฯต้นตอปัญหา จี้เร่งตัดสินใจแก้ไข “สงคราม” ซัด รบ.”บิ๊กตู่”ยิ่งอยู่นาน ยิ่งทำปัญหาบานปลาย
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา สมัยวิสามัญ เพื่อขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม ต่อเป็นวันที่ 2 โดยนางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า หากรัฐบาลมีความจริงใจในการรับฟังความคิดเห็นและนำไปปฏิบัติเชื่อว่าปัญหาการชุมนุมจะไม่บานปลาย และเห็นว่าการอภิปรายในสภาวันนี้ยังล้าหลังกว่าการชุมนุมนอกสภา จึงขอแนะนำว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องลาออกทันที และถ้าจะต้องได้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ส.ส.และส.ว.ต้องยกมือสนับสนุนจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ต้องแสดงจุดยืนว่า สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและมีการตั้งส.ส.ร. และได้แก้ไขอย่างราบรื่นรวดเร็ว และเห็นว่าไม่มีความจำเป็นใดๆที่พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องนั่งเก้าอี้นายกฯต่อไป ถึงแม้รัฐสภาจะไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ ก็สามารถดำเนินไปได้ ที่สำคัญรัฐบาลควรเลิกอ้างได้แล้วว่า ในการปกป้องสถาบันนั้นจะต้องมีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯแค่นั้น เพราะคนไทยส่วนใหญ่มีความเคารพเทิดทูนสถาบัน และพร้อมที่จะปกป้องสถาบันให้คงอยู่กับประเทศไทย และพล.อ.ประยุทธ์ ควรจะแยกความขัดแย้งทางการเมืองออกจากสถาบัน อย่าผูกขาดสถาบันไว้เพียงฝ่ายเดียวเพราะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
“ดิฉันนึกถึงประวัติศาสตร์ของการเมืองไทยเรื่องของพันท้ายนรสิงห์ ที่เป็นทนายทหารเสือกล้า ที่ได้ปกป้องขบวนเรือเสด็จของพระราชา ที่เสด็จไปในคลองคดเคี้ยวและไม่อาจหลบเหลี่ยงได้ ทำให้พันท้ายนรสิงห์คิดว่านั่นคือการไม่สามารถอารักขาได้ จึงเสนอให้มีโทษถึงประหารชีวิต เช่นเดียวกับการขัดขวางขบวนเสด็จ ที่พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้ขบวนเสด็จ เสด็จผ่านโดยไม่คิดถึงอันตรายที่เกิดขึ้น และท่านก็ใช้อำนาจเหล่านนั้นไปลงโทษตำรวจยศเล็กๆ แต่ท่านปัดความรับผิดชอบเหล่านั้น ดิฉันถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเทียบเคียงกับกรณีพันท้ายนรสิงห์ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรจะได้พิจารณาตัวเอง ชอบต่ออันตรายที่เกิดขึ้นในขบวนเสด็จที่ผ่านมา ถ้าเราทำใจให้เป็นธรรม วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ควรนำใบลาออกไปถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้น”นางมนพร กล่าว
ด้านนายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นปรากฎการณ์ความเห็นต่างของคนต่างรุ่นต่างวัย ซึ่งเราต้องมาพูดความจริงถึงจะแก้ไขปัญหาได้ สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ นายกฯมี 4 ทางเลือก คือ 1.ซื้อเวลา ไม่ออก ไม่สนใจอยู่แบบนี้ ปล่อยให้มีการชุมนุม ทำร้ายประเทศชาติไปเรื่อยๆ 2.ลาออกและยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าตัวเองเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด หากไม่ยึดอำนาจในวันนั้นก็คงไม่มีเหตุการณ์ในวันนี้ ถ้าหากเสียสละลาออกก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ โดยนายกฯใหม่ที่เข้ามาก็จะมาพูดคุยหาข้อสรุปของผู้ชุมนุมได้ 3.ยุบสภา เชื่อว่าถ้าไม่มีทางออกคงเลือกข้อนี้มากที่สุด แต่การยุบสภาจะสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ การชุมนุมจะบานปลายทำให้รัฐล้มเหลว อีกทั้งกว่าผลการเลือกตั้งกว่าจะออกมาได้ต้องใช้เวลานาน ดังนั้นการยุบสภาจึงไม่ใช่ทางออก และ 4. ยึดอำนาจ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเกิดขึ้นจริงหายนะจะเกิดขึ้น แผ่นดินจะนองเลือด อย่างไรก็ตาม ขอฝาก 4 ทางเลือกให้กับนายกฯได้นำไปพิจารณาด้วย ต้องรีบตัดสินใจยิ่งช้ายิ่งสะสมปัญหา
ต่อมาเวลา 10.40 น. นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ อภิปรายว่า ตนได้อ่านคำร้องของรัฐบาลที่ขอให้เปิดประชุมแล้วรู้สึกตกใจ เพราะปัญหาหลักที่จะปรึกษากลับกลายเป็นต้นเหตุของปัญหา การปรึกษาหารือในวันนี้หากช่วยกันแก้ไขจะได้มอบมรดกดีๆให้ลูกหลานได้ แต่หากเป็นการซื้อเวลา สุดท้ายรัฐบาลที่มีรากเหง้าจากการยึดอำนาจสืบทอดอำนาจก็จะกลายเป็นทรราชย์ ทั้งนี้ ต้นตอของปัญหาคือการยึดอำนาจและร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ ไม่ได้อยู่ยาวแต่อยู่จนเบื่อ บริหารบ้านเมืองเสียหาย สร้างหนี้สิน และข้ออ้างที่บอกว่าจะปกป้องสถาบัน แต่สถาบันได้รับผลกระทบมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา แต่นายกฯยังนิ่งเฉย ไม่แก้ไขปัญหา ยิ่งอยู่นานปัญหาก็ยิ่งบานปลาย