กอร.ฉ.พร้อมรับบิ๊กเซอร์ไพรส์ผู้ชุมนุมทุกวัน ยันบังคับใช้กฎหมายสมดุลความสงบ หวั่นม็อบเผชิญหน้ากัน

กอร.ฉ. หวั่นมีการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมที่มีความเห็นต่าง ยัน พร้อมรับบิ๊กเซอร์ไพรส์ทุกวัน

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. ร่วมกันแถลงสรุปภาพรวมและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสถานการณ์การชุมนุม

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ได้มีการชุมนุมในพื้นที่ต่างๆ จุดสำคัญ บริเวณเดอะมอลล์บางแค และเซ็นทรัลปิ่นเกล้า นอกจากนี้ยังมีจุดอื่นๆ ที่มีการชุมนุมแต่จำนวนไม่มากนัก เช่น เดอะมอลล์บางกะปิ, ห้างน้อมจิต, บีทีเอสห้าแยกลาดพร้าว, แยกสาธุประดิษฐ์, บีทีเอสบางนา, แยกอุดมสุข และบีทีเอสรัชโยธิน ซึ่งการดำเนินการได้ให้ผู้กำกับการ หัวหน้าสถานี และผู้บังคับการพื้นที่เป็นผู้บริหารจัดการสถานการณ์ ทั้งนี้บช.น.ได้จัดกำลังพลเสริมไว้สำหรับสนับสนุนการปฏิบัติของสน.และบก.พื้นที่ไว้เรียบร้อย

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการชุมนุมที่ผ่านมา ได้มีการพยายามกระทำโดยการแจ้งข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จหรือเฟกนิวส์ ให้ประชาชนหลงเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปอยู่ในม็อบและก่อความไม่สงบ วุ่นวาย ในส่วนนี้ทางบช.น.ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ โดยสน.บางนาได้ควบคุมตัวนายประวิทย์ สมรัตน์ ผู้ต้องหาที่ปรากฏในภาพมาดำเนินคดี ส่งฟ้องยังศาลอาญาพระโขนง ซึ่งได้มีคำพิพากษาให้รอการกำหนดโทษไว้ 2 ปี คุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในเวลา 2 เดือน บริการสังคม 30 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้มารายงานตัว 3 เดือนต่อครั้ง จนครบเวลากำหนดโทษ

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า อีกกรณีทางพ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผกก.สน.หลักสอง ได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนางญาศิภัสมณี เรืองศิริสกุล ในข้อหาฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับที่ 4 เรื่องการห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุม และบุคคลตามที่ปรากฎตามภาพไว้เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดี นอกจากนี้การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 63 ทางบช.น.ได้จับกุมแล้วทั้งหมด 77 ราย เป็นการจับกุมตามหมายจับ 22 ราย ตามพ.ร.ก. 54 ราย และขัดคำสั่งเจ้าพนักงานอีก 1 ราย

ด้านพล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า ตำรวจพร้อมรับบิ๊กเซอร์ไพรส์ทุกวันอยู่แล้ว และดำเนินการให้เกิดความสมดุลในการบังคับใช้กฎหมาย การรักษาความสงบของสังคมและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ไม่ว่ามวลชนจะฝ่ายไหนก็ตาม เรามีหน้าที่ในการควบคุมให้เกิดความสมดุลทั้งสามด้าน ส่วนกรณีที่จะมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นในอนาคต ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีการปรับไปตามสถานการณ์ โดยเรื่องนี้ ผบ.ตร.ได้มีการทบทวนวิธีการปฏิบัติให้มีการสอดคล้องกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการดูความเคลื่อนไหวของมวลชนอยู่แล้ว เนื่องจากมีการประชุมตลอดเวลา ไม่ว่าสถานการณ์จะไปในทิศทางใด ตำรวจก็พร้อมปฏิบัติ

เมื่อถามว่าขณะนี้มีเริ่มมีคนดังต่างๆ ออกมาโพสต์ข้อความที่มีความเห็นต่าง อย่างเช่นน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ เชิญชวนคนอีกฝ่ายให้ออกมาชุมนุม ถือว่าเป็นการปลุกระดมในการชุมนุมขัดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า ต้องไปดูรายละเอียดเนื้อหาในแต่ละกลุ่มที่เชิญชวน ถ้าสุ่มเสี่ยงว่าเป็นความผิด กอร.ฉ.ยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งตามมาตรฐานทางกฎหมาย อะไรที่เป็นการยุยง ส่งเสริมให้เกิดการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายใด ต้องดำเนินการตามกฎหมายเป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่มีแบ่งแยกว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายใด

ทั้งนี้ตำรวจมีความกังวลและเป็นห่วงเรื่อม็อบชนม็อบ แต่เรามีแผนรับมือทุกรูปแบบอยู่แล้ว โดยมอบหมายให้ผู้กำกับการแต่ละพื้นที่ มีอำนาจสั่งการ และสามารถประสานขอกำลังพลของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าไปสนับสนุนได้ทันทีหากมีการร้องขอ หากสถานการณ์พัฒนาไปในทิศทางไหน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน่วยร่วมปฏิบัติที่พร้อมที่จะเข้าแก้ไขสถานการณ์ทุกเรื่องอยู่แล้ว

ถามว่าทางกอร.ฉ. ได้มีการคุยกันหรือไม่ว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้จำเป็นต้องมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือยกเลิกเพื่อลดความรุนแรงลดความกดดัน พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า การพิจารณาเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเรื่องของทางรัฐบาล การพิจารณาในภาพรวมมีหลายมิติทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เราหน่วยกอร.ฉ เป็นหน่วยปฏิบัติ ถ้าจะมีการยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนเราจะต้องได้รับคำสั่งจากทางรัฐบาล