กมธ.ศึกษาแก้ รธน.ไปต่อไม่ไหว ยุติการขยายเวลา คาดส่งรายการต่อประธานรัฐสภาสัปดาห์หน้า

กมธ.ศึกษาแก้ รธน.ไปต่อไม่ไหว ยุติการขยายเวลา คาดส่งรายการต่อประธานรัฐสภาสัปดาห์หน้า

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับก่อนรับหลักการ รัฐสภา แถลงว่า คณะกมธ.จะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ญัตติ ให้เสร็จภายในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นการพิจารณาตามกำหนดเวลา 30 วัน คาดว่าจะส่งให้สภาได้ในวันที่ 26-27 ตุลาคมนี้ เพื่อให้ประธานรัฐสภา บรรจุระเบียบวาระการประชุม และคาดว่าจะพิจารณาได้สัปดาห์หน้าหรือต้นเดือนพฤศจิกายน ดังนั้น การทำงานของคณะกมธ.จึงเป็นไปตามกำหนด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความเห็นเรื่องการให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ความเห็นยังเป็น 2 แนวทาง คือ 1.สามารถทำได้โดยการตั้ง ส.ส.ร. และมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ 2.ยังทำไม่ได้ เพราะขัดต่อคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญในอดีตเมื่อปี 2555 ว่าการจะยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องทำประชามติก่อนจะมีการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงต้องให้สมาชิกรัฐสภาตัดสินใจในวันที่พิจารณารับหลักการอีกครั้ง ส่วนญัตติอื่นๆ กมธ.ได้พิจารณาข้อดี ข้อเสีย และหาข้อสรุปเพื่อให้สมาชิกรัฐสภาตัดสินใจต่อไป

นายชัยวุฒิกล่าวอีกว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญต้องทำด้วยความรอบคอบ เพราะมีข้อจำกัดหลายเรื่อง ไม่ใช่ว่าเราอยากจะแก้ได้ทุกเรื่อง นอกจากจะพูดถึงมาตรา 256 ยังมีมาตรา 255 ที่เขียนไว้ชัดเจนว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐจะกระทำมิได้ ซึ่งการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญเราต้องพิจารณามาตรา 255 ประกอบด้วย เราจึงเขียนในญัตติของฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ว่าเราจะไม่มีการแก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 แต่ก็มีกระแสของบุคคลบางกลุ่มที่อยากให้แก้ทั้งฉบับ ซึ่งอาจจะขัดกับมาตรา 255 ดังนั้น การดำเนินการต่างๆ จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ และสามารถทำได้ในทางกฎหมายด้วย

เมื่อถามว่า สามารถพิจารณาได้ทันในการประชุมสภาสมัยวิสามัญที่คาดว่าจะเปิดในสัปดาห์หน้าหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ตนยังไม่แน่ใจว่าวันไหน แต่ตามปกติก่อนจะนัดประชุมรัฐสภาต้องมีการแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ซึ่งหากเป็นช่วงต้นสัปดาห์ ตนคิดว่าไม่ทัน แต่อาจจะเป็นปลายสัปดาห์หรือต้นสัปดาห์ถัดไปอาจจะทัน ซึ่งตนคิดว่าการจะรอไปอีกสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ ไม่น่าจะทำให้บ้านเมืองเสียหาย เพราะกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาอยู่แล้ว ไม่ใช่วันสองวันแล้วจะเสร็จ เพราะเป็นกฎหมายสำคัญของประเทศ จึงอยากให้ประชาชนอดทน และยอมรับกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติ และใช้กันมาตั้งแต่ปี 2560 โดยสมาชิกรัฐสภาทุกคนเห็นพ้องกันว่ารัฐธรรมนูญอาจมีบางประเด็น บางมาตรา ที่ต้องแก้ไข และยินดีที่จะแก้ไข แต่ประเด็นที่มีความเป็นห่วงตอนนี้ คือเรื่องการตั้ง ส.ส.ร.เพื่อยกร่างใหม่ทั้งฉบับทำได้หรือไม่ และขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นี่คือเรื่องใหญ่ที่ทำให้ถกเถียงกันนานเป็นพิเศษ