‘อนุชา’ คาดใช้สภาหารือ 3 วันสะเด็ดน้ำ วอนเข้าใจ บังคับให้เห็นตรงกันหมดเป็นไปไม่ได้

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีมีการเสนอให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ จะมีการหารือในที่ประชุม ครม. หรือไม่ ว่า จากที่เข้าร่วมประชุมกับนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน เกือบ 100% มีความคิดเห็นตรงกัน เห็นควรที่จะเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญฯ เพื่อพูดคุยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนแรกคิดว่าจะมีการล่ารายชื่อ เพื่อให้เปิดประชุมหรือไม่ แต่ก็มีทางออกคือ ให้นายชวนทำหนังสือเสนอมายัง ครม. เพื่อขอความเห็นชอบ เปิดประชุมวิสามัญฯ เพื่ออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 โดยเมื่อวานนี้ นายชวนได้รีบทำหนังสือ ส่งมายังนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ทันในการประชุม ครม. วันนี้

เมื่อถามว่า ในที่ประชุมได้กำหนดหรือไม่ว่าจะเปิดประชุมกี่วัน นายอนุชา กล่าวว่า มติที่ประชุมเพียงยื่นมาแค่ขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญฯ เท่านั้น ไม่ได้ระบุว่าเป็นวันไหนเพราะต้องมีขั้นตอน ในการออกพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมวิสามัญ ซึ่งยังไม่ทราบขั้นตอนนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยครม.จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใช้เวลากี่วัน

เมื่อถามว่า รัฐบาลต้องการให้ที่ประชุมรัฐสภาคลี่คลายสถานการณ์ในประเด็นใดบ้าง นายอนุชา กล่าวว่า ก็ต้องไปพูดคุยกัน เรายังไม่ได้สรุปประเด็น ว่าเปิดประชุมแล้วจะพูดไปไหนบ้างจะคุยประเด็นใดบ้าง แต่ทุกปัญหาจะนำเข้าสู่ที่ประชุม

เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมอาจจะยังไม่รอการประชุมของรัฐสภา เพราะมีการยื่นเงื่อนไขให้ทำตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ภายใน 24 ชั่วโมงนี้ นายอนุชา กล่าวว่า เป็นความเห็นที่แตกต่าง ยืนยันว่าความเห็นที่แตกต่าง จะต้องนำไปพิจารณาในสภา เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในเรื่องของรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นเพียงข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ พูดในฐานะสมาชิกรัฐสภา ทั้งนี้ ในสังคมประชาธิปไตยการเรียกร้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าการบังคับหรือขู่เข็ญไม่น่าจะใช่เรื่องที่ถูกต้อง และบางเรื่องจุดยืนของแต่ละพรรคมีอยู่แล้ว เช่น ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องสถาบัน จุดยืนแต่ละฝ่ายก็มี

จึงอยากฝากถึงผู้ชุมนุมและนักศึกษาว่า สิ่งที่เราพยายามทำนั้นทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่ทุกความเห็นจะต้องไปในทิศทางเดียวกัน คงต้องมาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ทุกคนอยากเห็นว่าเวทีรัฐสภา สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้หรือไม่ในฐานะนักการเมืองเราอยากทำตรงนั้นให้เกิดขึ้น ส่วนตัวคิดว่าอาจใช้เวลาพูดคุยในสภาประมาณ 1-3 วัน ก็คงจะสะเด็ดน้ำแล้ว ว่าจะไปในทิศทางไหน

นายอนุชา กล่าวว่า แม้เวลาแค่ 1-2 ชั่วโมงเราก็เห็นตรงกันว่ามีค่าสำหรับการพูดคุยกันเพื่อหาทางออกร่วมกัน เราจะมีมติออกมาร่วมกัน ซึ่งนักการเมืองทุกคนก็อยากเห็นความสงบสุข ส่วนหากการประชุมผ่านไปแล้วแต่ม็อบยังคงอยู่ก็ค่อยว่ากัน ต้องหาวิธีที่จะมีบทสรุปร่วมกันอย่างสันติวิธี