สุดารัตน์ ชี้ต้องยื่นฟ้องนายกฯต่อศาลแพ่งให้เพิกถอนประกาศฉุกเฉินฯ และคุ้มครองไม่ให้ปราบปรามเยาวชน

20 ต.ค. 63 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่องฟ้องนายกรัฐมนตรีต่อศาลแพ่งเพื่อยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินว่า วันนี้ชัดเจนแล้วว่า พลเอกประยุทธ์ คือ “ต้นตอของปัญหาทั้งหมด” ตั้งแต่การเข้าสู่อำนาจด้วยการยึดอำนาจจากประชาชน สืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นเอง ภายใต้การบริหารประเทศของ พลเอกประยุทธ์ ที่ปกครองประเทศมายาวนานเกือบ 7 ปี เป็นที่ชัดเจนว่าประยุทธ์เก่งสองเรื่องคือ หนึ่ง เก่งในการทำให้คนยากจนลง สอง เก่งในการคุกคามคนที่ลุกขึ้นมาไล่รัฐบาล
แทนการใส่ใจรับฟังเสียงเรียกร้องจากประชาชน รัฐบาลประยุทธ์กลับเลือกที่จะใช้ความรุนแรงตอบโต้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ด้วยการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นเครื่องมือจำกัดสิทธิ์ เสรีภาพจนนำไปสู่การปราบปรามประชาชนจับกุมแกนนำและผู้ชุมนุม
ภาพเจ้าหน้าที่รัฐใช้รถน้ำผสมสารเคมีฉีดใส่ผู้ชุมนุมที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนคือความอัปยศของรัฐบาลนี้
ซึ่งดิฉันและเพื่อนนักการเมืองหลายคนได้ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใย และพยายามหาหนทางที่จะหยุดยั้งการใช้อำนาจของรัฐบาลในการทำร้ายผู้ชุมนุม
วันก่อนพวกเราได้หารือกัน และเห็นช่องทางว่าเราน่าจะใช้สิทธิ์ทางศาลเพื่อหาทางคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ชุมนุมให้เร็วที่สุด
คุณหมอชลน่าน ศรีแก้ว คุณจิรายุ ห่วงทรัพย์ และคุณวัฒนา เมืองสุข จึงได้ร่างคำร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
เช้าวันนี้คุณหมอชลน่าน คุณจิรายุ
คุณนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์นายกสมาคมทนายความ และคุณธนวัฒน์ วงศ์ไชย อดีตประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในนามของประชาชนคนไทย จะไปยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีต่อศาลแพ่ง เพื่อให้เพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯและขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอให้ศาลคุ้มครองไม่ให้ใช้ประกาศดังกล่าว มาปราบปรามเยาวชนในขณะนี้
ดิฉันเห็นว่าการใช้สิทธิทางศาลดังกล่าว เป็นอีกหนทางเพื่อหาทางออกให้กับประเทศอย่างสันติ หลีกเลี่ยงความสูญเสียอันอาจจะเกิดขึ้นได้
การใช้กฎหมายเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งเป็นไปตามครรลองจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ
ดิฉันจึงขอเรียกร้องวิงวอนมายังศาล
ได้โปรดใช้อำนาจบนหลักนิติธรรม
ในการแก้ปัญหา และหาทางออกให้กับประเทศอย่างสันติ