“ชัยธวัช” จี้รัฐยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที ซัดลุแก่อำนาจ ปิดปากสื่อ-รังแกประชาชน

วันที่ 19 ตุลาคม 2563 ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเเสดงจุดยืนมีมติให้รัฐสภาเปิดสมัยประชุมวิสามัญ โดยชัยธวัช กล่าวว่า ในประเด็นของการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ พรรคก้าวไกลย้ำว่า นอกจากรัฐสภาจะต้องเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่ออภิปรายตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร เราคิดว่าควรจะมีการนำวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาพิจารณาด้วย ในเรื่องของการรับหลักการในวาระเเรกที่ยังค้างการพิจารณาอยู่ โดยในที่ประชุมร่วมกันระหว่างฝ่ายค้านเเละฝ่ายรัฐบาล นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ได้ชีเเจ้งว่า คณะกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการ ได้มีการขอขยายเวลาเพิ่ม 15 วัน ทำให้อาจจะไม่สามารถบรรจุวาระนี้ได้ทัน.

“เรายังยืนว่า หากรัฐบาลมีความตั้งใจจริงจะเเก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะคลี่คลายสถานการณ์ในการเมืองตอนนี้ เนื่องจากว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องหลักของนักศึกษาเเละประชาชน รัฐบาลสามารถทำได้ ซึ่งนายวิรัช ประธานวิปได้กล่าวว่า หากจะเร่งรัด สามารถที่จะจบการทำงานของกรรมาธิการได้ในวันที 22 ตุลาคมนี้ ซึ่งหมายความว่า จะสามารถนำเสนอรายงานของกมธ.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการ เข้าทันระหว่างเปิดสมัยประชุมวิสามัญปลายเดือนนี้ และต่อด้วยการลงมติรับหลักการ โดยในทางปฏิบัติทำให้การประชุมสมัยวิสามัญของรัฐสภา เป็นประโยชน์ที่สุดต่อการคลี่คลายสถานการณ์ตอนนี้อย่าวเป็นรูปธรรม “
ชัยธวัช กล่าว.

เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวต่อไปว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการประการศใช้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายเเรงทันที พรรคก้าวไกลได้เเสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ถือว่าเป็นการรัฐประหารเงียบ วันนี้ได้มีการใข้อำนาจอย่างเห็นได้ชัด ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ต่างหลังจากการมีรัฐประหาร มีการออกข้อกำหนดให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว เรียกบุคคลใดก็ได้มารายงานตัว รวมถึงตรวจค้นสถานที่ต่างๆ มีการใช้อำนาจกำหนดสถานควบคุมตัวเพื่อรองรับการจับกุมประชาชนจำนวนมาก โดยมีการกำหนดค่ายทหารที่ชลบุรีไว้เป็นสถานที่ควบคุมตัวอีกที่หนึ่ง ซึ่งไม่ต่างกับสถานการณ์หลังรัฐประหาร เเละล่าสุดกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ( กอรฉ . ) ใช้อำนาจให้ตรวจสอบเเละระงับการออกอากาศเเละเนื้อหาของสื่อมวลชลจำนวนหนึ่ง โดยให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ ( กสทช. ) เเละกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม ( ดีอี ) ดำเนินการ นี่เป็นรูปธรรมที่เราจะต้องต่อต้านการใช้สถานการณ์ฉุกเฉินที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญเเละกฎหมาย รวมทั้งละเมิดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่างชัดเจน

“ถ้ายังไม่ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายเเรง จะมีการใช้อำนาจแบบนี้ขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นสัญญานที่บอกว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมดอำนาจ หมดซึ่งความชอบธรรมที่จะปกครองประเทศนี้เเล้ว ท่านจะต้องพิจารณาตัวเองเพื่อให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลง “

ผมในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกล พรรคร่วมรัฐบาลต้องเเสดงท่าทีชัดเจนว่า พรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วยกับการลุแก่อำนาจของนายกหรือไม่ในขณะนี้ ในการละเมิดเสรีภาพของสื่อและประชาชน หากไม่เห็นด้วยพรรคร่วมรัฐบาลต้องแสดงจุดยืนชัดเจน ในการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน หากยังไม่มีการยกเลิก ผมขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลทบทวน ถอนตัวจากการสนับสนุนเข้าร่วมรัฐบาลชุดนี้ เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยเราไม่อยากเห็นการประชุมวิสามัญของรัฐสภาภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
ชัยธวัช. กล่าว.