มูลนิธิคุณ-ก้อง สหรัถ รณรงค์ชวนคนไทยหันมาปั่นจักรยานลดปัญหา PM2.5 ในงาน “Yes, We Can! เริ่มที่คุณ”

ก้อง สหรัถ นำทีมปั่นจักรยาน รณรงค์ลดปัญหา PM2.5 ในงาน “Yes, We Can! เริ่มที่คุณ”

18 ตุลาคม 2563 ณ ลานเล่นล้อ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร) มีการจัดงาน “Yes, We Can! เริ่มที่คุณ” จัดโดยมูลนิธิคุณ นำโดยคุณปรางค์ทิพย์ อนันตวิภาต ประธานมูลินิธิ ร่วมกับทาง มศว นำโดยรองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล รักษาการอธิการบดี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมมอบเกียรติบัตร ให้กับทางผู้จัดงาน ผู้สนับสนุน-เครือข่าย ซึ่งงานนี้ได้ศิลปินชื่อดังอย่าง ก้อง สหรัถ สังคปรีชา มาชวนปั่นแยก (ขยะ) กันเถอะ พร้อมทั้งมีการแสดงมินิคอนเสิร์ต Climate Change ด้วย


สำหรับงาน “Yes, We Can! เริ่มที่คุณ” จัดขึ้นเพื่อรณรงค์เรื่องการให้ประชาชนหันมาปั่นจักรยาน แทนการใช้รถยนต์ เพื่อเป็นการช่วยกันลดปัญหาฝุ่น PM2.5 และลดมลพิษในอากาศทำให้เมืองน่าอยู่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีวัตถุประสงค์เรื่องของการรณรงค์การแยกขยะ อันเป็นต้นทางสำคัญในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมและผลกระทบเรื่องโลกร้อนตามมาด้วย


ไฮไลท์สำคัญงานนี้ ก้อง สหรัถ สังคปรีชา ศิลปินชื่อดัง ได้นำทีมปั่นจัการยานรอบมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร พร้อมผู้ร่วมปั่นจำนวน 100 คน โดยแบ่งเป็น4ทีม และมีการสอดแทรกความรู้และการตระหนักรู้เรื่องแยกขยะด้วย


ขณะเดียวกันได้มีเวทีเสวนาเรื่องการปั่นจักรยาน ความตระหนักเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยมี คุณปรางค์ทิพย์ อนันตวิภาต , คุณสหรัถ สังคปรีชา , ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการปฏิรุปประเทศด้านพลังงาน ,ครูเป็ด มนต์ชีพ ศิวะสินางกูร กรรมการบริหารพรรคกล้า และ คุณเจฟฟรี่ เจ้าของรายการ Bicycle Diary เข้ามาแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ของแต่ละคน ดำเนินรายการเสวนา โดย ผศ.ดร.ภูมิ มูลศิลป์ ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต คณะสังคมศาสตร์ มศว

คุณปรางค์ทิพย์ กล่าวถึงงานนี้ว่าเป็นการรวมตัวกันของคนที่รักการปั่นจักรยานและเราต้องการที่จะ รณรงค์ให้ทุกคนหันมาช่วยกันปั่นจักรยานแทนการใช้รถยนต์ เพื่อช่วยลดฝุ่น PM 2.5 เพราะว่าปัญหาฝุ่นดังกล่าวกำลังจะเข้าส่งผลต่อสุขภาพและวิถีชีวิตทุกคนในช่วงหน้าหนาวพอดี ขณะเดียวกันเราก็จะทำเรื่องการรณรงค์เรื่องการแยกขยะ เพื่อสร้างจิตสำนึก
.
ด้านคุณก้อง สหรัถ กล่าวว่าหากทุกคนหันมาขี่จักรยานกันมากขึ้น ก็จะช่วยเรื่องลดปัญหาฝุ่นได้อย่างมาก ทำให้ปริมาณรถยนต์บนถนนก็จะลดน้อยลง เราก็จะได้ลดปริมาณควันพิษ ลดฝุ่นต่างๆ ส่วนคนที่ขี่จักรยานก็ได้ทั้งเรื่องของร่างกายและสุขภาพมากขึ้นก็มีแต่เรื่องดีๆที่จะเกิดขึ้น ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นดีๆ ถ้าเราลองมาปั่นจักรยานจริงๆก็จะรู้สึกได้เลยว่ามันไม่ไกล เพราะชีวิตส่วนตัวได้มีโอกาสขี่อยู่ในเมืองบ่อยๆ ในระยะทางประมาณ 8-10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะที่เราทุกคนทำได้ปั่นกันได้ง่ายๆสบายๆ เพียงแต่ว่าอยากให้ที่ทำงานหรือที่ออฟฟิศของใครหลายๆ คน หากเข้ามาช่วยสนับสนุนเรื่องห้องอาบน้ำหรือ อำนวยความสะดวกด้านต่างๆนิดนึง ให้พนักงานที่หันมาปั่นจักรยานมาทำงาน ผมก็เชื่อว่าจะมีคนหันมาขี่จักรยานกันมากขึ้น จะลดปัญหาอะไรได้เยอะ และคนที่ใช้จักรยานก็จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงด้วย

ด้าน เจฟฟรี่ Bicycle Diary กล่าวเสริมว่า หลายคนอาจจะคิดว่าเมืองไทยไม่เหมาะกับการขี่จักรยาน แต่ผมมองว่าบ้านเรา ไม่ได้มีหิมะไม่มีภูเขา เมืองเราเป็นที่ราบเรียบ เราอาจจะต้องเปิดใจและเริ่มทดลองดู เพราะว่าจักรยานเป็นสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามีแต่ข้อดีทั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้นก็อยากจะเชิญชวน ทุกคน เปิดใจและลองมาขี่จักรยานดู จะเพื่อเป็นการออกกำลังกายก็ได้หรือเพื่อการขี่ออกไปทำงานก็ได้
.
ก่อนที่ประธานมูลนิธิจะกล่าวปิดท้ายว่า วันนี้เรามารวมตัวกันในเบื้องต้นหลังจากนี้ทางมูลนิธิก็จะมีการจัดกิจกรรมต่อเนื่องออกมาเรื่อยๆ และอาจจะได้มีโอกาสเข้าไปทำโปรเจคต่อเนื่องกันกับ โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC ของรัฐบาลในภายภาคหน้า ซึ่งอาจจะต้องรบกวนพี่ก้องสหรัถมาช่วยกันแรงด้วย