พีมูฟ จ่อยกระดับเคลื่อนไหว จี้ รบ.ปล่อยผู้ชุมนุม หยุดใช้ความรุนแรง ทำไม่ได้ต้องยุบสภา

พีมูฟ ประณามรัฐบาลใช้ความรุนแรง สลายการชุมนุม จ่อยกระดับเคลื่อนไหว จี้ปล่อยผู้ชุมนุม ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ต้องยุบสภา

เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอประณามการใช้ความรุนแรงและข้อเสนอต่อการแก้ไขปัญหาประเทศในสถานการณ์ปัจจุบัน

ความว่า ดังปรากฏสถานการณ์ความรุนแรงอันเกิดจากการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มเด็กเยาวชน บริเวณแยกปทุมวันและพื้นที่ใกล้เคียง แม้การชุมนุมจะเป็นไปอย่างสงบและสันติ พร้อมแจ้งยุติการชุมนุมต่อเจ้าหน้าที่ภายในเวลา 22.00 น. อย่างชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ฟังเหตุผลกลุ่มผู้ชุมนุม อ้างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร เข้ากดดัน เข้ายึดพื้นที่ พร้อมใช้น้ำผสมสารเคมีฉีดเข้าสลายผู้ชุมนุม ไล่จับกุมบุคคล โดยอ้างว่าเป็นผู้กระทำผิดประกาศดังกล่าวนั้น ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ขอแถลงท่าทีและข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้

1.เราขอประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้กองกำลังเข้าสลายการชุมนุมของเด็กนักเรียน ลูกหลาน เยาวชนอันเป็นอนาคตของชาติ ในช่วงที่ผ่านมา หากรัฐบาลยังใช้อำนาจอยู่เช่นนี้ ยิ่งจะทำให้สังคมแตกร้าวยากต่อการเยียวยาแก้ไข และขอให้ยุติการใช้ความรุนแรงกรณีดังกล่าวทันที

2.เราเห็นว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกับการรักษาไว้ซึ่งอำนาจรัฐของรัฐบาล โดยไม่ฟังเสียงของประชาชนที่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วยุบสภา เลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ประชาชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้ตัดสินอนาคตของประเทศ ตามหลักการในระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งพฤติกรรมที่ไม่ชอบธรรมหลายด้านของรัฐบาลปัจจุบัน มิได้เกิดจากการกระทำของประชาชนแต่อย่างใด

3.เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าว เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร โดยทันที ยุติการจับกุมผู้ชุมนุม และปล่อยแกนนำคณะราษฎร 2563 พร้อมเปิดการเจรจาทางการเมืองเพื่อหาทางออกจากวิกฤตการณ์ดังกล่าวอย่างเป็นลำดับขั้นตอนโดยเร็ว

4.เราเห็นว่า ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชน และ “ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ” กลไกรัฐสภาควรทำหน้าที่ในการแก้ไขความเห็นต่างทางสังคมหรือความขัดแย้งทางการเมือง รัฐบาลซึ่งเป็นผู้บริหารเมื่อไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองได้ ก็ต้องยุบสภาเพื่อให้ประชาชนตัดสินอนาคตของประเทศ ผ่านการเลือกตั้ง ให้ประชาชนหรือพรรคการเมือง ได้นำเสนอนโยบายในการแก้ไขความขัดแย้งทางสังคมในทุกด้าน อันจะเป็นเสมือนการทำประชามติผ่านการเลือกตั้ง และจะทำให้ปัญหาความขัดแย้งผ่านการถกเถียงอย่างรอบด้านและสันติ ตามระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างจริง

ท้ายที่สุด เราจะได้ประสานงานกับภาคประชาชน องค์กรต่าง ๆ ทุกเครือข่าย เพื่อผลักดันรัฐบาลได้ดำเนินการตามข้อเรียกร้องดังกล่าวโดยเร็ว หากไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เราจะยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป