รัฐบาลชี้ม็อบ 14 ตุลา กระทบขบวนเสด็จ มีก้าวล่วง จำเป็นต้องประกาศพรก.ฉุกเฉินคุมกทม.

‘รัฐบาล’ แจง จำเป็นต้องประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินคุมกทม. ป้องกันการเผชิญหน้าฝ่ายเห็นต่าง รับม็อบ 14 ตุลา กระทบชาวไทย มีการกระทบขบวนเสด็จ ก้าวล่วงสถาบัน ต้องคุมให้เรียบร้อย ด้านครม.จ่อประชุมนัดพิเศษ 16 ต.ค.นี้ ‘นายกฯ’ ย้ำให้รวมไทยสร้างชาติ

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการที่รัฐบาลได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า รัฐบาลมีความจำเป็นในการที่จะประกาศ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยให้แก่ประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและเป็นการป้องกันการเกิดความรุนแรงในอนาคตไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากับกลุ่มที่เห็นต่าง และพร้อมที่จะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น จึงอยากให้ผู้ชุมนุมเคารพสิทธิและเสรีภาพของส่วนรวม ประกอบการเฝ้าระวังของการแพร่ระบาดของโควิด-19 และที่สำคัญคือการขับเคลื่อนมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ขอให้เฝ้าระวังไม่ให้กระทำผิดข้อกำหนดทั้ง 4 ข้อ นอกจากการกระทบกระทั่งและการเผชิญหน้ากันแล้ว ขอให้ระมัดระวังในการโพสต์ข้อความหรือคอมเมนต์บนโซเชียลมีเดียในทางที่ไม่ถูกต้อง สำหรับผู้ที่กระทำผิดจะเป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจในการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กรอ.ฉ.) โดยจะมีหลายหน่วยงานเป็นคณะกรรมการ

“โดยเราจะเห็นชัดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่มีผลกระทบกับชาวไทยเป็นจำนวนมาก นั่นก็คือการที่มีการกระทบกับขบวนเสด็จ และมีการก้าวล่วงสถาบันต่างๆ ซึ่งใช้วาจาปลุกปั่นก้าวล่วง จึงจำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมความสงบเรียบร้อย ไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งมีหลายส่วนที่แสดงท่าทีที่ไม่ต้องการให้คนที่มาชุมนุมก้าวล่วงและพาดพิงสถาบัน ฉะนั้น รัฐบาลจึงขอความร่วมมือจากประชาชนให้ระมัดระวังสิ่งต่างๆ ที่จะต้องดำเนินการจากนี้ไป เพื่อให้ประเทศไทยของเราได้เดินหน้าต่อไปได้ ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จึงอยากให้พูดคุยด้วยความเรียบร้อยและอยู่ในกรอบของกฎหมาย” นายอนุชากล่าว

ผู้สื่อข่าวถามการเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ นายอนุชากล่าวว่า เป็นการประชุมคณะเล็กเพื่อรับทราบและเห็นชอบประกาศคำสั่งต่างๆ ที่ออกมาตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเวลา 10.00 น. ที่ห้องเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีมีความกังวลหรือสั่งการในเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า นายกฯ ได้พูดถึงเรื่องที่อยากให้ทุกคนได้ช่วยกันเดินหน้าประเทศไทย และมาตรการต่างๆ ทั้งยังเน้นย้ำเรื่อง รวมไทยสร้างชาติ คือขอให้รวมไทย ร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียวกัน และร่วมกันที่จะฝันฝ่าอุปสรรคทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และโควิด-19 ส่วนคนอื่นที่มีความเห็นต่างรัฐบาลพร้อมที่จะเปิดเวทีรับฟัง เพราะประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้จะต้องอยู่ในหลักนิติธรรม เพราะฉะนั้น เสียงส่วนใหญ่ต้องฟังเสียงส่วนน้อย และเสียงส่วนน้อยก็ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่