ผบช.น.ไม่เอาผิดม็อบขว้างแก้วใส่ ขอทั้ง2ฝ่าย เห็นต่างแต่ไม่แตกแยก ยันดำเนินคดีเท่าเทียม

รองผบช.น. เผย ผบช.น.ไม่เอาผิดม็อบขว้างแก้วใส่ ขอทั้ง2ฝ่าย เห็นต่างแต่ไม่แตกแยก ยันดำเนินคดีทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมเมื่อวานนี้ว่า มีการจับผู้ชุมนุมไป 21 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ดำเนินคดี 10 ข้อหา และขณะนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดแยกส่งศาลอาญา รัชดา 1 ราย,ศาลแขวงดุสิต 19 ราย และศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง อีก 1 ราย ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ตำรวจต้องเข้าจับกุมผู้ชุมนุม เนื่องจากมีการตั้งวางสิ่งของ เต็นท์ ซึ่งบดบังการมองเห็น และมีกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งออกมากีดขวางผิวการจราจรซึ่งอาจเกิดอันตรายต้อประชาชน ซึ่งตำรวจที่อยู่บริเวณนั้น ได้สั่งให้ออกจากพื้นที่แล้ว แต่ผู้ชุมนุมไม่ทำตาม จึงต้องดำเนินการจับกุมตามกฎหมาย

ส่วนกรณีเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ถูกผู้ชุมนุมฉีดสเปรย์และขว้างแก้วน้ำใส่นั้น ทราบว่า ทาง ผบช.น. จะไม่ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด และให้ยึดถืออุดมคติ “อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก”

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการรองรับความรุนแรงนั้น ขอให้ทักคนอยู่ในความสงบ แตกแยกทางความคิดได้ แต่อย่าทะเลาะกันเลย ซึ่งตำรวจจะมีมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเท่าเทียมกันให้กับผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่ม ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมออกมาบอกว่า จะมีการปักหลักค้างคืนในวันนี้ ยืนยันว่า พากพิจารณาแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมไม่สามารถค้างคืนได้เพราะในกฎหมายไม่สามารถระบุไว้ ซึ่งหากการชุมนุมสิ้นสุดลงตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานของผู้ที่กระทำผิดสำหรับดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำการเคลื่อนย้ายต้นไม้บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น เบื้องต้น หากจะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษทางกรุงเทพมหานครจะเป็นผู้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดผู้ชุมนุมต่อไป ทั้งนี้การชุมนุมดังกล่าวจะมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ขณะนี้ตำรวจอยู่ในระหว่างการสืบสวนหาข้อมูล แต่ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับบุคคลกลุ่มใด

ด้านพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) กล่าวถึงเส้นทางที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมมีทั้งสิ้น 5 เส้นทางหลัก คือ ถนนราชดำเนินกลาง ถนนดินสอ ถนนหลานหลวง ถนนตะนาว และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ขณะนี้ผู้ชุมนุมลบไปบนพื้นผิวการจราจร เพราะฉะนั้นเมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมาเราได้ทำการปิดจราจรในถนนราชดำเนินกลางขาเข้า โดยปิดบริเวณแยกผ่านพิภพ ซึ่งผู้ที่เดินทางจากฝั่งธน เข้ามากรุงเทพมหานคร เมื่อลงจากสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าแล้ว สามารถเลี้ยวขวาไปที่ถนนอัษฎาง เลี้ยวซ้ายถนนเจ้าฟ้า ทั้งนี้บริเวณถนนดังกล่าวค่อนข้างมีปริมาณรถจำนวนมาก จึงขอให้เลี่ยงไปใช้ถนนฝั่งสะพานพระราม 8 ไม่ว่าจะเป็นการข้ามจากฝั่งกรุงเทพไปฝั่งธน และฝั่งธนไปกรุงเทพ หรือเลี่ยงไปใช้สะพานซังฮี้ หรือสะพานกรุงธนได้

นอกจากนี้ยังมีการปิดจราจรชั่วคราวในถนนนาชดำเนิน ฝั่งขาออก จากผ่านฟ้าลีลาศไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะของมวลชนจากสองฝ่าย จึงขอประชาสัมพันธ์ในช่วงเย็นขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางถนนราชดำเนินทั้งหมด