เสธ.แมวชี้ทางออกเดียวประเทศคือนายกฯต้องพ้นหน้าที่ ชุมนุม14ตุลาจึงจะยุติ เชื่อได้เห็นในเวลาอันใกล้

เสาร์ 10ต.ค.63 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่าการชุมนุมประท้วงใหญ่ของภาคประชาชนใน14ต.ค.นี้ เป็นการสานต่อจากการชุมนุมใหญ่เมื่อ 19-20ก.ย. ที่ได้ฉายภาพความจริงของ 1.ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมของสังคมไทย อันเป็นผลจากการกระทำของขบวนการสืบทอดอำนาจ และ 2.ความกล้าแสดงออกของประชาชนตามสิทธิเสรีภาพ ณ เวลานี้ได้ขยายผลมาถึงจุดของการเชิญชวนภาคประชาชนทุกสาขาอาชีพ ให้เข้ามาร่วมกันยกระดับเพิ่มจำนวนมวลชนให้มโหฬาร ขนานนามว่า”คณะราษฎร” เดินสู่เป้าหมายคือการขับไล่นายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจให้พ้นตำแหน่งไป บนเหตุผลที่ตรงกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี60คือต้นตอพาชาติล่มจม เปิดช่องให้ผู้นำการยึดอำนาจที่ขาดความชอบธรรมมีผลประโยชน์ทับซ้อน เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจได้ ซึ่งเป็นผู้นำคนเดียวที่ไปหลงใช้โหราศาสตร์และพิธีกรรมมากกว่าวิทยาศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง จึงไร้ประสิทธิภาพในการบริหาร แต่ดำรงอยู่ได้ด้วยการไม่เคยละอายต่อบาป ผสมกับใช้เล่ห์เพทุบายให้กองทัพมาหนุนหลัง นายกรัฐมนตรีคนนี้ได้ใช้ความหน้าด้านกอดรัฐธรรมนูญปี60เอาไว้ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือคุ้มหัวตัวเองและลิ่วล้อเครือข่ายของขบวนการสืบทอดอำนาจอย่างมิรู้จบ มันจึงเป็นเหตุให้การที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ60เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ ซึ่งรูปการณ์แบบนี้มันเป็นเหตุให้บรรยากาศของประเทศพร่ามัวไม่เอื้อต่อการค้าการลงทุน แถมมาถูกขย่มซำ้เติมด้วยวิกฤตโควิด เศรษฐกิจของประเทศจึงเดินสู่ความพังพินาศ ทางออกของประเทศจึงเหลือเพียงคำตอบเดียว คือนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจต้องออกจากตำแหน่งไป

จากนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนก็จะลื่นไหลสู่รูปธรรมตามมาได้ สร้างความน่าเชื่อถือของประเทศกลับฟื้นคืนมา ดังนั้นสัญญาณการชุมนุมประท้วงใหญ่ 14ตุลานี้ มันจึงชัดเจนว่า การชุมนุมจะยุติก็ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจต้องออกจากตำแหน่งไปก่อนเท่านั้น ซึ่งเราจะได้พบกับคำตอบนี้ไม่มีเป็นอื่นในเวลาอันใกล้นี้