‘บิ๊กตู่’ สอนนศ. ยกสมัยเรียน แม่ไม่เคยปลุกไปเรียน สอบ-อ่านหนังสือเอง ไม่ต้องมีคนเตือน

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ห้องประชุมปทุมมาศ อาคารเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี อ.เมือง จ.ปทุมธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานอาชีวะยกกำลังสองและกล่าวปาฐกถาพิเศษ “การขับเคลื่อนนโยบาย อาชีวศึกษายกกำลังสอง” โดยมีนายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมผู้บริหารและเด็กอาชีวะให้การต้อนรับ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้โลกหมุนเร็ว การขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ต้องไปด้วยกัน สิ่งที่เป็นอุปสรรคขวากหนามเราต้องคิดให้เป็นและผ่านไปให้ได้ รัฐบาลมีหน้าที่ในการสร้างโอกาส ทุกคนจึงต้องเข้าใจว่าอะไรคือโอกาส ทั้งโอกาสที่จะมีงานทำ โอกาสที่บ้านเมืองจะเป็นสุข โอกาสที่ประเทศของเราจะมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยังยืน และต้องหลุดพ้นการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งถ้าทำได้ประเทศเราจะเข้มแข็ง ไม่ใช่ประเทศที่มีปัญหามาตลอด หรือเป็นประเทศที่ตีกัน หรือประเทศที่มีการทุจริต เราต้องช่วยกันทั้งหมด ไม่มีใครทำได้โดยที่ไม่ศึกษาหรือวางแผน หรือพูดเพียงอย่างเดียว เด็กควรต้องคิดและวางแผน จึงขอฝากครูให้กระตุ้นเด็กคนให้คิดและวางแผนเป็น อยากทำงาน อดทน ตั้งใจ

“ไม่มีอะไรเริ่มต้นด้วยวันเดียว หรือปีเดียวแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เราต้องสร้างความเจริญเติบโต ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือกำลังใจ ที่ต้องเกิดจากทั้งคนที่เรียน คนสอนและคนบริหาร ถ้าไม่เกิดตรงนี้ก่อน ต่อให้ทำดี อย่างไรก็ไม่เกิดอะไรขึ้น สิ่งสำคัญคือความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนในการพัฒนา ยกระดับการเรียนการสอนและระบบอาชีวไทยให้ก้าวไกล โลกเปลี่ยนเราต้องปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน สิ่งสำคัญที่การเรียนรู้ การถ่ายทอดจากครูอาจารย์”

“ผมขอเพิ่มจากทุกคน จากยกกำลัง 2 ขอให้เพิ่มเป็นยกกำลัง 4-5 ทั้งในเรื่องการกระตือรือร้น ความเอาใจใส่การปรับเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีสอน ไม่ใช่สอนแล้วหลับทั้งห้อง สมัยเด็กแม่ไม่เคยต้องปลุกไปเรียน หรือสอบไม่ต้องมีใครมาเตือน อ่านหนังสือไม่ต้องมีคนมาเรียก การขนขวายหาความรู้เกิดขึ้นได้ทุกวัน ไม่ต้องมีคนมาบังคับ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือกระบวนความคิด ไม่มีอะไรที่จะทำได้วันนี้ พรุ่งนี้เสร็จ หรือพูดเพียงปากเปล่าแล้วงานเสร็จ ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับระเบียบ กติกา กฎหมาย บ้านเรากว่าจะทำได้ก็ผ่านเวลามาหลายปี ดังนั้นสิ่งที่พูดว่าจะให้ปรับเปลี่ยนในวันนี้พรุ่งนี้มันทำไม่ได้ ผมถามว่าคนทั้งประเทศเขาจะว่าอย่างไรที่บ้านเมืองวุ่นวาย มันทำไม่ได้แล้วโอกาสที่มีอยู่ก็จะหายไป วันนี้ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโควิด เป็นที่หนึ่งของอาเซียน แต่โอกาสเหล่านี้จะหายไปด้วยความไม่สงบเรียบร้อย ไม่มีเสถียรภาพ เรามีทั้งทรัพยากรธรรมชาติและบุคลากรมนุษย์ ต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรถึงจะเกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้ดีที่สุด คุ้มค่าประหยัด มีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาเรื่องการทุจริตเพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อประเทศของเรา เราต้องรวมพลังในการเดินหน้าจึงขอเป็นยกกำลัง 10 ร่วมกับผมไปข้างหน้า ไม่เช่นนั้นจะไม่ทัน วันนี้สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ไทยเป็นอันดับ 1 ในทางพฤตินัยแล้วพวกเราจะทำลายไปทำไม สิ่งที่ทุกคนชื่นชมเรา ผมขอถามว่าจะทำลายทำไมขอถามตรงนี้ แล้วถ้ามันเกิดและกลับขึ้นมาอีก ในรอบสองด้วยความไม่ระมัดระวัง แล้วจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่กำลังจะตามมาทุกอย่างก็จะละลายหายไปหมด ทั้งการท่องเที่ยว การค้าขายการเดินทาง การพบปะ ทุกอย่างจะหายไปหมด เราต้องการแบบนี้หรือ ผมจึงจำเป็นต้องพูดถึงเรื่องความรักความสามัคคี” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว