ทนายเดชา ลั่น เป็นทนายสารสาสน์ ไม่ใช่การทรยศวิชาชีพ รับได้ถ้า FC เลิกติดตาม

จากกรณี ครูทำร้ายร่างกายเด็กที่โรงเรียนสารสาสน์ ราชพฤกษ์ จนทำให้มีการออกหมายจับครู และพี่เลี้ยง จำนวน 13 คน มารับทราบข้อกล่าวหา โดยทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายความของโรงเรียน ในเครือสารสาสน์  และแจ้งความกลับผู้ปกครองที่ทำร้ายครูจุ๋ม

เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้ไลฟ์เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า เมื่อวานไปที่โรงเรียนสารสาสน์ฯ ไปคุยกับเจ้าของโรงเรียน โดยโรงเรียนขอให้ตนช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายซึ่งเป็นการใช้วิชาชีพตามปกติ หน้าที่หลักคือให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมาย โดยจะมีคดีทั้งหมดประมาณ 30 คดี ประกอบด้วยคดีครูจุ๋ม รวมถึงพี่เลี้ยงซึ่งมี 13 คนที่อาจต้องโดนดำเนินคดี ซึ่งตนรับดำเนินการ นอกจากนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนจะโดนคดีรับบุคคลที่ไม่มีใบอนุญาตฯ เข้ามาเป็นครู, พี่เลี้ยงโดนข้อหาทำร้ายเด็ก, พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก, หน่วงเหนี่ยว กักขัง เป็นต้น ส่วนใครไม่พอใจที่ตนรับเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ก็เป็นความคิดส่วนตัวของท่าน

ทนายเดชา กล่าวต่อว่า ในส่วนของคดีครูจุ๋ม ขอชี้แจงว่าครูจุ๋มถูกทำร้ายร่างกายระหว่างการแถลงข่าวที่โรงเรียน ส่วนผู้ปกครองจะบันดาลโทสะก็ว่ากันไป แต่ทุกคนไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรง ครูจุ๋ม ก็ไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรงกับเด็ก ผู้ปกครองก็ไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรงกับครูจุ๋ม ครูจุ๋มใช้สิทธิแจ้งความดำเนินคดี ส่วนไหนที่ครูจุ๋มทำ ตนก็ให้รับสารภาพไป ตนไม่ได้บิดเบือนข้อเท็จจริง

ส่วนที่คนว่าทำไมไปช่วยครูจุ๋ม พาครูจุ๋มไปแจ้งความผู้ปกครองทำไม ชี้แจงว่าก็เป็นหลักกฎหมายที่ไม่มีใครมีสิทธิ์ทำร้ายร่างกายของใคร คดีที่ครูจุ๋มทำความรุนแรงกับเด็ก ตนก็ให้ยอมรับสารภาพไป ส่วนใครที่เป็น FC ตน จะยกเลิกการติดตาม ก็แล้วแต่ครับ ตนเข้าใจความคิดเห็นของท่าน ตนเป็นทนายความตามวิชาชีพ ไม่ใช่ทนายความให้พ่อค้ายาเสพติด แล้วไปทำเอกสารปลอมช่วยพ่อค้ายาเสพติดจนศาลออกหมายจับ แบบนั้นเรียกว่าทรยศต่อวิชาชีพ แต่ตนทำงานตามวิชาชีพ ตนได้รับโทรศัพท์จากพี่น้องทนายความมากมายว่าสิ่งที่ตนทำถูกต้องแล้ว เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้ต้องหาทุกคนต้องมีทนายความ ซึ่งตนว่าไปตามพยานหลักฐาน ตนไม่ได้สนใจกระแส และต้องกราบขอโทษ FC ทุกคนถ้าทำให้ผิดหวัง

ทนายความเดชา กล่าวต่อว่า โรงเรียนได้ขอโทษไปแล้ว ขอโทษไม่รู้กี่ครั้งยอมรับผิดหมด แต่ด้วยความที่เป็นผู้สูงอายุอาจพูดไม่เพราะบ้างด้วยความโมโห แต่มีทนายคนหนึ่งพยายามยุยงส่งเสริมผู้ปกครอง พาไปแจ้งความทุกวัน เลยดำเนินคดีไม่จบ ชาวเน็ตบางคนดูแต่คลิป ซึ่งคลิปก็ตัดต่อมาบางส่วน อันไหนทำผิดก็ว่าไป ชาวเน็ตฟังแต่ผู้ปกครองมาออกทีวี มันมีพวกยุยงส่งเสริมอยู่ ต้องฟังโรงเรียน ฟังเจ้าหน้าที่สอบสวนด้วย อะไรที่ทำผิดก็รับผิดไปก็จบ มีทนายดังๆ ไปเป็นทนายให้คดีอื่นตั้งแต่เยอะแยะ หลายคนอินกับผู้ปกครอง หลายเรื่องเกินจริงระวังจะโดนคดีกลับ

“ทนายด้วยกันมาบอกผมว่าความให้โจรแปลว่าคุณไม่ใช่ทนายความ ศาลยังไม่ตัดสินถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกไปวิ่งเต้นอัยการ ไปว่าความให้คนค้ายาเสพติด ทำไมไปด่าหละ ผมไม่มีว่าความปกติตามสำนวนคดี คอยดูตอนจบ ฟังผมไว้เลย อะไรเกินจริงต้องดำเนินคดี ส่วนใครจะไม่ติดตามก็ตามสบาย ผมให้ความรู้ ไม่ได้เปิดเพจมาเพื่อหารายได้ ทัวร์ลงตามสบาย คนไหนผิดก็ว่าไป โรงเรียนมีตั้งกี่สาขา ครูตั้งกี่คน ที่ไม่เกี่ยว ไปทำลายเหมาหมดแบบนี้ระวังโดนฟ้อง ผู้ปกครองที่เป็นข่าวก็ลาออกแค่ 5 คนเท่านั้น คิดว่าการลาออกจากโรงเรียนเป็นเรื่องง่ายหรือ” นายเดชา กล่าว